บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะกลยุทธ์การลงทุนใน PFund-REITs-IFF จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 bps เป็น 2.50% สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 นอกจากนี้คุณปิติ ดิษยทัต เลขานุการ กนง. ยังกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง หากเศรษฐกิจไทยยังเป็นไปตามที่คาด กนง. น่าจะคงดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง จากภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแอ กนง. จึงปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2566 จาก 3.6% เหลือ 2.8% เพราะการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าจากการที่เศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจโลกชะงักงัน
นอกจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงขึ้นแล้ว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (10 ปี อยู่ที่ 4.60%) และอัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาลไทยยังขยับสูงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ด้วย ซึ่งเป็นไปตามอัตราดอกเบี้ย Fed fund rate ที่ขึ้นต่อเนื่อง ประเด็นนี้เป็นลบกับตลาดหุ้น และกองทุนที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างต่ำ
ในภาวะที่ปัจจัยภายนอกยังดูไม่นิ่ง เราจึงยังคงยึดเกณฑ์การลงทุนเดิมสำหรับ PFund-REITs-IFF ที่เราคิดว่าน่าสนใจ ได้แก่ i)อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ค่อนข้างสูง ii) ราคามี premiumหรือ discount จาก NAV iii) แนวโน้มธุรกิจในระยะยาว และ iv)ได้รับผลกระทบด้านลบน้อยกว่าจากปัจจัยลบภายนอก นอกจากนี้เราคิดว่าทางเลือกที่น่าสนใจในสถานการณ์ปัจจุบันน่าจะเป็นกองทุนที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2566-2567 สูงเกิน 7%
เราคาดว่าประเทศไทยจะออกชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจในอีกสองสามปีข้างหน้า เราคาดว่านิคมอุตสาหกรรมจะเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจผ่านกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้กำหนดกลยุทธ์ 20 ปีสำหรับประเทศไทย โดยตั้งเป้าจะเปลี่ยนสถานะเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2579 ภายใต้กลยุทธ์นี้ประกอบด้วยความริเริ่มแบบ top-down จำนวนมากโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาคน เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้แข่งขันได้กับประเทศที่ร่ำรวยกว่า และมีเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนฐานของความรู้ (knowledge-based economies) มากกว่า
นอกจากนี้ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ยังมีแนวโน้มเป็นบวกอีกสองสามปี ซึ่งกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมน่าจะได้อานิสงส์เพราะเราคาดว่ารัฐบาลน่าจะผลักดันโครงการนี้ให้เดินหน้าต่อไป
เรายังคงกองเด่นเอาไว้เหมือนเดิม ประกอบด้วย i) กองทุนแถวหน้าที่เราแนะนำ ได้แก่ DIF, WHAIR และ AMATAR และ ii)กองทุนระดับรอง ได้แก่ ALLY, GROREIT, CPNREIT และ BTSGIF
ปัจจัยเสี่ยง COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, การเมืองขาดเสถียรภาพ
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี