nn บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัทสัญชาติไทย ที่ถือว่าเป็นบริษัทเครื่องดื่มชั้นนำของเอเชีย โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคป 11.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.92 แสนล้านบาท มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของภูมิภาคเอเชีย กำลังเดินหน้ารุกหนักในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งสุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และ กลุ่มอาหาร และในการแถลงข่าวประจำปีของ บ.ไทยเบฟฯ ครั้งที่ผ่านมา คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทยังให้น้ำหนักกับตลาดในภูมิภาคอาเซียน โดยเสริมความแข็งแกร่งภายในองค์กรด้วยสินค้าหลากหลายจากกิจการในเครือ ทั้งไทยเบฟ ในไทย ธุรกิจเบียร์ของไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์ปอเรชั่น (SABECO) ในเวียดนาม ธุรกิจสุราของแกรนด์ รอยัล กรุ๊ป ในเมียนมา Fraser & Neave Holdings Bhd (F&NHB) ในมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันถือว่าครอบคลุมตลาดในภูมิภาคแล้ว ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ในประเทศกัมพูชา และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และในโมเดลนี้จะขยายในประเทศลาวด้วย ส่วนอีก 3,000 ล้านบาท จะลงทุนในประเทศไทย สำหรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ยังวางแผนพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศเวียดนามซึ่งจะใช้โมเดลธุรกิจจากประเทศไทยไปต่อยอด ทั้งการมีหน่วยรถขายสินค้าเงินสด การขนส่งสินค้าภายใต้การควบคุมอุณหภูมิหรือโคลด์เชน สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เชื่อมโยงกับลูกค้า และผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
หลายคนอาจมองว่ากัมพูชาและลาวเป็นตลาดเล็ก ขนาดประชากรน้อย แต่บริษัทฯมองว่าเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งแต่เดิมเราส่งสินค้าไปจำหน่าย เมื่อรัฐบาลใหม่มีนโยบายส่งเสริมการค้าชายแดน ก็มองว่าการจำหน่ายสินค้าข้ามแดน อย่างลาวสามารถเชื่อมโยงไปถึงตลาดตอนใต้ประเทศจีน กัมพูชาเชื่อมเวียดนาม ซึ่งที่มีประชากร 100 ล้านคน
คุณฐาปนกล่าวอีกว่า จีน เป็นอีกขุมทรัพย์สำคัญ ที่ผ่านมาไทยเบฟฯเข้าไปสร้างโรงงานผลิตสุราขาว “อวี้หลิงฉวน” มานานกว่าสิบปี การจำหน่ายโซดา “ช้าง” และยังร่วมมือ
กับ Asiaeuro International Beverage (AIB) เพื่อหาโอกาสตลาดมากขึ้น ตลอดจนเรียนรู้วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยี ทำความเข้าใจรูปแบบการบริหารธุรกิจในจีน และนอกเหนือจากการนำสินค้าเข้าไปบุกตลาดในจีนแล้ว อีกด้านหนึ่งประตูการค้าจีนเปิด พันธมิตรต้องการขยายตลาดในอาเซียน ไทยเบฟฯก็จะช่วยในการนำสินค้าจากจีนมาทำตลาดอาเซียนด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเข้าไปลงทุนในจีน ไม่ได้มองแค่การซื้อและควบรวมกิจการ เพราะการลงทุนในจีนไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องค่อยๆ สร้างทั้งเรื่องขีดความสามารถทางธุรกิจ พันธมิตร เช่นเดียวกันกับตลาดอาเซียน ไม่ใช่มองแค่การควบรวมกิจการ แต่ว่ามองใครจับมือใคร ช่วยกันสร้างประโยชน์ เสริมการแข่งขันที่มาจากความแข็งแกร่งพาร์ทเนอร์ได้หรือไม่
นอกจากจีน ปีหน้าไทยเบฟฯจะรุกตลาดตะวันออกกลางมากขึ้น รวมถึงการขยายสู่ยุโรป ซึ่งล่าสุดได้ซื้อกิจการลาร์เซน คอนญัก (Larsen Cognac)ประเทศฝรั่งเศส และคาร์โดรนา ดิสทิลเลอรี่ (Cardrona Distillery) ในประเทศนิวซีแลนด์ด้วย ซึ่งไทยเบฟฯ เข้าซื้อกิจการลาร์เซน คอนญัก ด้วยมูลค่า 58.5 ล้านยูโร อายุกิจการ 97 ปี ส่วนคาร์โดรนา ดิสทิลเลอรี่ เป็นโรงกลั่นซิงเกิลมอลต์ อายุไม่ถึง10 ปี ด้วยมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนในไทยสิ้นปี จะเปิดตัววิสกี้แบบซิงเกิ้ลมอลต์ เหล้าขาวรวงข้าว และเหล้ารัมแบรนด์พระยา เพื่อเติมพอร์ตพรีเมียมและขายตลาดต่างประเทศ รวมถึงมีแผนขยายโรงกลั่นวิสกี้ในประเทศเมียนมาด้วย
สำหรับกลุ่มธุรกิจเบียร์ นอกจากการลงทุนโรงงานผลิตเบียร์กัมพูชา เอฟแอนด์เอ็นภายใต้ไทยเบฟยังเตรียมขยายโรงงานผลิตเบียร์ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาด้วย ขณะที่ตลาดเวียดนาม ซาเบโก้ บริษัทร่วมทุนของไทยเบฟฯ ได้เข้าซื้อหุ้นใน 6 โรงงาน และโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ 3 แห่งจากผู้ถือหุ้นรายอื่น เพื่อให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งทำให้เรามีบทบาทมากขึ้นในการผลิตสินค้าของเรา
ขณะที่กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์หลังจากการถอนหุ้นโออิชิออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และอาหาร โดยอาหารจะเป็นเสาหลักที่ 4 ของไทยเบฟ จากเดิมมีสุรา เบียร์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และในปี 2567 บริษัทวางยุทธศาสตร์ขยายกลุ่มธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ทั้งเครื่องดื่มและอาหารไปในตลาดอาเซียนเต็มที่ เริ่มจากกลุ่มเครื่องดื่ม จะลงทุนในกัมพูชาสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มโออิชิ และเป็นโรงงานเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์แรกในอาเซียนของไทยเบฟ ซึ่งจะผลิตอย่างเป็นทางการภายใน 2 ปี และวางเป้าหมายจะนำแบรนด์เครื่องดื่มโออิชิ ไปขยายตลาดทั้งในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ทั้งลาว
เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย ฯลฯ
ส่วนยุทธศาสตร์ในการสร้างการเติบโตมี 3 แนวทาง คือ 1.การพลังแบรนด์สร้างพอร์ตอย่างแข็งแกร่ง 2.การเร่งสปีดโตอย่างต่อเนื่อง และ 3.มั่นคง และการเดินหน้าขยายตลาด ซึ่งภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ในประเทศกลับมาเติบโตสองหลักหลังจากโควิดแล้ว โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ รายได้ 14,822 ล้านบาท ขยายตัว 15.6% มากกว่าสถานการณ์โควิด โดยในช่วง 9 เดือนแรก เครื่องดื่ม เอส มีการขยายตัว22% คริสตัล มีการขยายตัว 19.5% โออิชิ 15.5% มีการขยายตัวมากกว่าตลาด
ขณะที่สายธุรกิจอาหาร ได้วางเป้าหมายใน 1-2 ปีนับจากนี้คือ จะขยายกลุ่มธุรกิจอาหารออกไปในต่างประเทศ โดยในระยะแรกเน้นตลาดใน ซีแอลเอ็มวี ที่จะนำแบรนด์ ชาบูชิ
และ โออิชิ บิซโทโระ นำร่องออกไปก่อน ทำให้ในปี 2567 บริษัทได้วางงบลงทุนในการขยายธุรกิจไว้ที่ 800-1,000 ล้านบาท โดยจะเร่งขยายธุรกิจอาหารในเครือ ที่เน้นการขยายสาขาใหม่ และมีโมเดลสาขาหลากหลายรูปแบบที่เปิดใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งงบลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ใช้งบลงทุนในการขยายธุรกิจประมาณ 600 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้วางเป้าหมายระยะยาวภายในปี 2568 จะสร้างแบรนด์ธุรกิจอาหารอยู่ในใจของกลุ่มผู้บริโภคอาเซียน
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี