nn คงต้องถามดังๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีมานี้ ประเทศไทยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากมาย ทั้งรถไฟฟ้า (10 เส้นทาง) รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก สร้างทางหลวงพิเศษ สร้างถนนหนทางไปทั่วประเทศ มีโครงสร้างอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นทุกปีๆ กว่าหลายหมื่นยูนิต....ฯลฯ ซึ่งต้องใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบสำคัญทั้งนั้น แต่เหตุใดอุตสาหกรรมเหล็กของไทยยังคงใช้กำลังการผลิตเพียงแค่ 30% เท่านั้น และเป็นเช่นนี้มาเกือบ 10 ปี จนทำให้ผู้ผลิตเหล็กของไทยล้มหายตายจากจำนวนไม่น้อย บางรายก็ต้องจำใจยอมปล่อยมือให้กับเจ้าของใหม่ซึ่งก็ไม่ใช่คนไทยเสียด้วย
และเคสล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด (บลกท.) เป็นผู้ผลิตเหล็กแท่ง(Billet)และจำหน่ายเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตชนิดข้ออ้อยและเหล็กเส้นกลม, เหล็กลวด, เหล็กเพลาดำ,เหล็กปลอกเสา, เหล็กปลอกคาน ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2507 เป็นบริษัทในเครือ ฉื่อ จิ้น ฮั้ว (ผู้ผลิตภาชนะอะลูมิเนียม และเสาไฟฟ้าตราจระเข้) ตั้งอยู่เลขที่ 42 หมู่ 4 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทุนจดทะเบียนล่าสุด 4,908 ล้านบาท...ก็ไปต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
โดยคุณอำนวย พิจิตรพงศ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด (บลกท.) ได้ออกประกาศเรื่อง การเลิกจ้างพนักงาน โดยระบุว่า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทฯ มาโดยตลอดตามระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี บริษัทฯประสบปัญหาขาดทุนสะสมมาโดยตลอด อีกทั้งบริษัทฯ ได้พยายามหาทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างพนักงาน แต่ผลการดำเนินงานยังคงประสบภาวะขาดทุนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดังนั้นบริษัทฯมีความจำเป็นที่ต้องเลิกจ้างพนักงานทุกท่าน ทั้งนี้พนักงาน ที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย จะมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566
ขณะที่คุณนาวา จันทนสุรคน กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก กล่าวถึงกรณีบริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด (บลกท.) ประกาศเลิกจ้างหยุดกิจการ หลังขาดทุนสะสมกว่า 2,500 ล้านบาท ว่า ถือเป็นกรณีผลกระทบจากปัญหาที่อุตสาหกรรมเหล็กไทยเจอมาตลอด คือ การทะลักของเหล็กจีนเข้ามาขายในไทย หลังจากเศรษฐกิจจีนไม่เติบโตตามเป้า ทำให้กำลังการผลิตเหล็กในประเทศโอเวอร์ซัพพลาย จึงต้องระบายไปประเทศปลายทาง หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย
ขณะเดียวหลายปีที่ผ่านมาไทยเปิดให้มีการตั้งโรงงานและขยายโรงงานเหล็ก ทำให้ผู้ประกอบการจีนเข้ามาตั้งโรงงานบางประเภทในไทยจำนวนมาก จนกระทั่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศห้ามตั้งและขยายโรงงานเหล็ก หากยังปล่อยให้ตั้งและขยายถึงปัจจุบัน ผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็กไทยจะรุนแรงกว่านี้ ล่าสุดทราบว่ามาเลเซียออกประกาศห้ามตั้งและขยายโรงงานเช่นกัน เพราะเจอปัญหาเหล็กต่างประเทศตีตลาด แต่มาเลเซียห้ามโรงงานทุกชนิด ซึ่งไทยควรพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
“ปัจจุบันอัตราการผลิตรวมของอุตสาหกรรมเหล็กไทยเฉลี่ยเหลือเพียงกว่า 20% เท่านั้น ต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากเดิมเคยอยู่ระดับ 30-40% ซึ่งระดับดังกล่าวถือว่าต่ำแล้ว มาเจอตอนนี้ยิ่งต่ำ ถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวล” นายนาวากล่าว
คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ส่วนหนึ่งต้องมาจากการบริโภคสินค้าในประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจภายในแข็งแกร่ง แต่ปัจจุบันผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่ายในประเทศต่างมีความกังวลและส่งสัญญาณมาตลอดจากปัญหาสินค้าอุตสาหกรรมจากต่างประเทศทะลักเข้าไทย ทั้งสินค้าราคาถูก และสินค้าไร้มาตรฐานลักลอบเข้ามา ปัจจุบันกว่าครึ่งของ 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมดของ ส.อ.ท.ต่างได้รับผลกระทบ กำลังผลิตลดลง เพราะสินค้าขายได้ลดลงจากสินค้าต่างประเทศราคาถูกตีตลาดกระทบต่อเนื่องไปยังการจ้างงาน อาทิ กลุ่มเหล็กที่มีปัญหามาตลอดหลายปี กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า
“ส.อ.ท.กังวลว่าหากรัฐบาลไม่รีบเข้ามาช่วยเหลืออาจตามรอยปัญหาหมูเถื่อนที่ระบาดอย่างหนักเวลานี้”นายเกรียงไกรกล่าว
ขณะนี้นายกรัฐมนตรีของไทยกำลังเดินสายไปในหลายประเทศเพื่อชักนำการลงทุนจากต่างชาติ และนำเอาอภิมหาโครงการใหญ่อย่าง “โครงการแลนด์บริจด์”ไปนำเสนอเชิญชวนกลุ่มใหญ่ทั่วโลกมาลงทุน ซึ่งแน่นอนว่าโครงการใหญ่ขนาดนี้ หากมีการกำหนดเงื่อนไขว่าต้องใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ก็จะช่วยผู้ประกอบการไทยในหลายอุตสาหกรรมได้มากเลยทีเดียว...อย่างไปเหนียมอายที่จะประกาศนโยบายเช่นนี้ เพราะตอนนี้ทุกประเทศทั่วโลกเขาก็ออกมาปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศของเขาเหมือนกันหมด...nn
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี