nn เรื่องของ “หมูเถื่อน” ที่มีการลักลอบนำเข้ากันมาตั้งแต่ปี 2563 นำเข้ามาแล้วเกือบ 3 พันตู้น้ำหนักรวมกว่า 6 หมื่นตัน...ตอนนี้ระเบิดลงไปแล้วที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)...ได้ยินมาว่าเป้าต่อไปที่อยู่ในเรดาร์คือ กรมศุลกากร...แวดวงการเงิน...ได้ยินมาก็ตกใจ...ที่ว่ากันว่าคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง..ก็เหมือนจะปักใจเชื่อว่า...กรมศุลกากร...ก็มีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย...และนี่จะเป็นสาเหตุหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ที่รัฐมนตรีคลังขอกำกับกรมศุลกากรด้วยตัวเอง...แต่เอาล่ะเรื่องนี้อีกไม่นานก็คงจะทราบได้ว่าเจ้าหน้าที่ที่กรมศุลกากรระดับใดบ้างที่มีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้...!! ข้อสงสัยว่าทำไมกรมศุลกากรไม่รู้เรื่องเลยหรือว่ามีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน...อันนี้ก็ไม่ผิดที่จะตั้งข้อสงสัย...!! แต่ในแต่ละปีมีตู้สินค้านำเข้ามาเป็นล้านๆตู้...จะเปิดดูทุกตู้ก็คงไม่แน่...กรมศุลกากร..จึงมีระบบ...กรีนไลน์ และ เรดไลน์...ขึ้นมา...โดยกลุ่มกรีนไลน์หมายถึง...สินค้าที่เอกสารการขออนุญาตนำเข้าอย่างถูกต้อง น้ำหนักตู้กับชนิดสินค้าที่สำแดงพิกัดภาษีไม่ผิดปกติ และ บริษัทชิปปิ้งก็ไม่เคยมีประวัติว่าทำผิดกฎหมายศุลกากร...อันนี้ก็จะไม่มีการเปิดตู้ตรวจเช็คสินค้าเพราะจะสร้างความยุ่งยากให้เอกชน...ส่วนพวก...เรดไลน์...ก็เช่นว่า บริษัทชิปปิ้งมีประวัติเคยทำผิดกฎหมายกรมศุลกากร น้ำหนักตู้กับชนิดสินค้าที่สำแดงดูผิดปกติ หรือเป็นสินค้านำเข้าที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในช่วงนั้นๆ...โดยเฉพาะสินค้าเกษตร...!! ทีนี้หมูเถื่อนลอตแรกๆที่หลุดออกไปได้ก็เพราะมันอยู่ใน..กรีนไลน์...นั่นเอง...มีใบอนุญาตนำเข้าจากกรมปศุสัตว์ถูกต้อง น้ำหนักตู้กับสินค้าก็ดูปกติดี ชิปปิ้งก็ไม่มีปัญหา....!! ทีนี้พอเกิดเป็นข่าวเรื่องหมูเถื่อนขึ้นมาในช่วงปี 2564-2565...กรมศุลกากร...ซึ่งขณะนั้นมี คุณพชร อนันตศิลป์ เป็นอธิบดีกรมศุลกากร...ก็เลยสั่งการให้เข้มงวดเป็นพิเศษกับ...ตู้นำเข้าที่เป็นตู้แช่แข็ง...และตู้สินค้าที่สำแดงว่าเป็นสินค้าเกษตร...ไม่ว่าปลาแซลมอน กุ้ง ปลาหมึก ฯลฯ...แม้จะมีใบรับรองจากกรมปศุสัตว์ถูกต้องแล้วก็ตามก็ต้องเปิดตู้ตรวจสอบ...ซึ่งผลก็ปรากฏอย่างเห็นที่ว่ามีหมูเถื่อนค้างรอทำลายอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังกว่า 160 ตู้....(ต้องย้ำอย่างนี้ว่าการนำเข้าสินค้าเกษตรสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ใบรับรองจากกรมปศุสัตว์)....!! อีกคำถามสำคัญแล้วทำไมตู้หมูเถื่อนที่ค้างอยู่ 160 กว่าตู้ยังอยู่จนถึงวันนี้...!! แบ่งเป็น 2 ประเด็น...การทำลายสินค้าเกษตรกำหนดว่าต้องทำด้วยวิธีฝังกลบซึ่งศักยภาพทำได้แค่วันละไม่เกิน 2 ตู้ และที่สำคัญยังหาพื้นที่ที่จะทำการฝังกลบไม่ได้...อีกประเด็นคือว่า...คุณพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ในช่วงนั้น...มอบนโยบายไว้ว่า..หากเจอพบ “หมูเถื่อน” ไม่อยากให้จบเพียงแค่ทำตามกฎหมายของกรมศุลกากร...นั่นก็คือเปรียบเทียบปรับแล้วก็ทำลาย (โดยกรมปศุสัตว์) ของนั้นซึ่งก็ใช้เวลาตามขั้นตอน 45-60 วัน... แต่ต้องขยายผลไปให้ลึกกว่านั้นคือส่งเรื่องให้กับตำรวจสอบสวนกลางหรือบางส่วนก็ส่งให้ DSI…เพื่อที่จะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษทางอาญาด้วย....นี่คือสาเหตุที่ทำให้ยังมีหมูเถื่อนค้างท่าเรืออยู่ถึงกว่า 106 ตู้....!! ถึงตรงนี้แล้ว...นายกรัฐมนตรี...คงรู้แล้วนะว่าเป้าหมายจริงๆ และสำคัญที่ต้องไปตรวจสอบเพื่อขจัดปัญหาหมูเถื่อนอยู่ที่ไหน...กรมศุลกากร หรือ กรมปศุสัตว์...????
อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี