บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU จากการประชุมนักวิเคราะห์ทาง TU คาดว่ายอดขายปีนี้จะเพิ่มขึ้น 3%-4%จากการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตาม ราคาปลาทูน่าที่ลดลง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะเป็นตัวจำกัดการเติบโตของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ส่วนยอดขายจากโรงงานแห่งใหม่ที่ใช้ผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มน่าจะทยอยเพิ่มขึ้น และ ทำยอดขายได้มากขึ้นอย่างมีนัยตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้า GPM ในช่วง 17%-18% และตั้งเป้าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ระหว่าง 11%-12% นอกจากนี้ TU น่าจะต้องจ่ายภาษีแล้ว (คาดว่าอัตราภาษีจ่ายจริงจะอยู่ในช่วง 7%-10%) เพราะไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก Red Lobster มาช่วยอีก

ถึงแม้ว่าเราจะคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 เพราะไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster มาฉุดอีก แต่แนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้นยังไม่สดใส เพราะรายได้ใน 1Q67F จะยังคงถูกกดดันจากราคาปลาทูน่าที่ลดลงใน 4Q66-1Q67F เนื่องจากราคาขายสินค้าในธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปลดลงอย่างไรก็ตาม ราคาที่ลดลงน่าจะทำให้ปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป นอกจากนี้ เนื่องจากยังมีสต๊อกปลาทูน่าต้นทุนสูงค้างอยู่ ดังนั้น GPM ใน 1Q67F จึงน่าจะลดลงจาก 17.8% ใน 4Q66 และเป็นไปได้ว่า TU จะต้องบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 68 ล้านบาทใน 4Q66

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ลง 4% เหลือ 6.03 พันล้านบาท (คิดเป็นอัตราการเติบโตปกติที่ 34%) เนื่องจากเรา i) ปรับลดประมาณการยอดขายลง 3% เหลือ 1.407 แสนล้านบาท จากการปรับลดประมาณการยอดขายของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (-4%), อาหารสัตว์เลี้ยง (-6%) และ สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (-8%) และ ii) ปรับลด GPM ลง 0.2ppt เหลือ 17.4% เพราะคาดว่า GPM ของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารทะเลแปรรูปจะลดลง เราคาดว่ากำไร TU น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 16% ในปี 2568F เป็น 6.99 พันล้านบาท จากการเติบโตของยอดขายในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มซึ่งมี GPM สูง

เรายังคงคำแนะนำซื้อ TU แต่ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567 ลงเหลือ 19.30 บาท จากเดิมที่ 20.30 บาท นอกจากนี้ เรามองว่าราคาเป้าหมายของเรายังมี upside อีก 4.5% ถ้าหาก TU ซื้อหุ้นคืนครบตามโครงการที่ประกาศไว้ (ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์-30 มิถุนายน 2567)

ปัจจัยเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น, อัตราแลกเปลี่ยน และ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ที่มา : เคจีไอ (ประเทศไทย)