คลิปฝรั่งทำร้ายแพทย์หญิงชาวไทย ดัวยการเตะ ขณะนั่งพักที่บันไดบ้านตากอากาศหรูติดชายหาดแหลมหงา ที่ภูเก็ต ได้สร้างความสะเทือนใจแก่ชาวไทยทั้งประเทศ จนเกิดกระแสโต้กลับอย่างรุนแรง
หากพิจารณาจากคลิป โดยเฉพาะมุมกล้องและภาพเคลื่อนไหวแล้ว สามารถสรุปได้ว่า ฝรั่งที่ทำร้ายหมอ เป็นผู้ที่ถ่ายคลิปด้วยตนเอง แสดงว่า ฝรั่งคนนี้มีความมั่นใจอย่างมากว่า ตนเป็นผู้มีสิทธิในบันไดที่สร้างติดชายหาด รวมทั้งชายหาดที่อยู่หน้าบ้านพักตากอากาศหรูนั้น ทั้งที่ไม่มีสิทธิตามกฎหมายแต่ประการใดอะไร...........เป็นสาเหตุให้ฝรั่งมีความเชื่อและมั่นใจเช่นนั้น ?
ไม่ว่าฝรั่งคนนี้จะมีความเชื่อ หรือเข้าใจว่าอย่างไรก็ตาม การที่ฝรั่งทำร้ายคนไทย เป็นความผิดกฎหมายอาญา และยังเป็นความผิดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ที่ถือว่า เป็นบุคคลที่มีลักษณะเป็นภัยต่อสังคม ซึ่งเมื่อถูกดำเนินคดีในข้อหา ทำร้ายร่างกายและได้รับการลงโทษแล้ว จะต้องถูกส่งตัวออกนอกประเทศ และมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศไทย หรือ Black List อย่างไม่มีกำหนด
แม้ฝรั่งคนนี้จะมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนชื่อตนออกจากบัญชีบุคคลต้องห้าม ยังนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะฝรั่งคนนี้ยังมีพฤติกรรมอื่นที่ไม่เหมาะสม เช่น ขับรถแช่ช่องจราจรช่องขวาสุด ขวางรถพยาบาลและยังทำกร่างชูนิ้วกลางพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ รวมทั้งแอบอ้างว่า สนิทเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ไม่มีใครเอาผิดตนได้
ตามกฎหมาย พื้นที่ชายหาดทั่วไป ถือเป็นพื้นที่สาธารณะ ประชาชนมีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสิ้น ตราบที่ยังไม่มีการออกกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกาให้ถอนสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
อาคารซึ่งสร้างบนที่ดินที่อยู่ติดแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น ทะเลสาบ ทะเล จะต้องถอยร่นอาคารอย่างน้อย 12 เมตร นับจากที่ระดับน้ำขึ้นปกติสูงสุดประจำวัน หลังเขตถอยร่นจึงจะถือเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของอาคารดังกล่าว ตามข้อ 42 กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
ชายหาดส่วนตัวที่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ตามที่ฝรั่งกร่างเข้าใจ จึงไม่มีอยู่จริง แต่จะโทษว่าฝรั่งเป็นฝ่ายผิดที่เข้าใจเช่นนั้น คงไม่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะบรรดาคนไทยด้วยกันเองที่ทำให้เข้าใจเช่นนั้น
คนไทยเจ้าของประเทศที่เคยไปเที่ยวชายทะเล ต่างเคยมีประสบการณ์ที่พบเจออยู่เป็นประจำ เมื่อจะเดินผ่านหรือเข้าไปเล่นน้ำทะเล บริเวณชายหาดด้านหน้าโรงแรมขนาดใหญ่ จะถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยกันหรือห้ามเข้า โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลบุคคลภายนอกห้ามเข้า ทั้งที่เป็นที่สาธารณะ แม้คนที่ถูกห้ามจะทราบว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เมื่อมาท่องเที่ยวพักผ่อนจึงไม่อยากเสียอารมณ์โต้เถียง ปล่อยผ่านไป ไม่ลุกขึ้นทวงสิทธิ จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยไม่เคยมีเจ้าหน้าที่เข้ามาแก้ไขจัดการอย่างจริงจัง
เมื่อเกิดเหตุฝรั่งเตะหมอ จึงเกิดกระแสชาวบ้านลุกขึ้นทวงคืนพื้นที่ชายหาดสาธารณะ ราวกับไฟลามทุ่ง บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเริ่มตื่นจากภวังค์ เข้ามาจัดการเรื่องนี้ ชายหาดบางแห่งเหิมเกริมมาก ในอดีตถึงกับเคยกั้นรั้วและขึ้นป้ายเก็บเงินค่าใช้ชายหาดคนละ 100 บาท เมื่อชาวบ้านทวงสิทธิใช้ชายหาดสาธารณะ ผู้ครอบครองที่ดินติดชายหาดยังมีหน้าต่อรองขอเวลาอีก 15 วัน และยังอ้างอีกว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านเป็นฝ่ายทำสกปรกจึงต้องกันรั้ว กลายเป็นว่า ชาวบ้านเป็นฝ่ายผิด
นอกจากเรื่องชายหาดที่คนไทยถูกฝรั่งกีดกันไม่ให้เข้าแล้ว ล่าสุดได้มีเหตุการณ์ที่คนไทยถูกห้ามเข้าบาร์และไนท์คลับบางแห่งที่ฝรั่งเป็นเจ้าของ บริเวณย่านป่าตอง ภูเก็ต เพียงเพราะเป็นคนไทยไม่ใช่ชาวต่างชาติ ทำให้คนไทยที่ถูกกีดกันงุนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
คนไทยส่วนหนึ่งเริ่มรู้สึกสงสัยตัวเองว่า กำลังอยู่ในประเทศไหนกันแน่ หรือประเทศไทยได้มีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหมือนยุคล่าอาณานิคม แบบในอดีตหรืออย่างไร?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี