ll เกิดเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา
ในกระทรวงอุตสาหกรรม (ไม่ใช่เรื่องตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่หรอกนะ) แต่เป็นเรื่องที่มีการกล่าวพาดพิงถึง ร้องเรียน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในลักษณะกล่าวหาว่า การขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จาก สมอ.นั้นล่าช้า และเกิด
ช่องว่างการทุจริต
ทั้งนี้ นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์
ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 1 รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวชี้แจงว่า กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงการทำงานของ สมอ. และเผยแพร่
ทางสื่อโซเชียลว่า การขออนุญาตมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) มีขั้นตอนยุ่งยาก ใช้เวลานานจนเกิดช่องว่าง
ในการทุจริต มีการเรียกรับสินบน จากเจ้าหน้าที่ และการเข้าตรวจโรงงานโดยไม่มีหมายค้นนั้น สมอ. ขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน สมอ. ใช้ระบบ e-License ในการออกใบอนุญาต จะใช้ระยะเวลาเฉลี่ยในออกใบอนุญาต ไม่เกิน 4 วันทำการ เมื่อผู้ประกอบการยื่นผล การตรวจโรงงาน และผลการตรวจสอบสินค้าเข้ามาในระบบ ซึ่งผู้ขอรับใบอนุญาตและ
เจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาจะไม่เจอหน้ากัน จึงสามารถป้องกันการทุจริตได้
การนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้
ในกระบวนการทำงานตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และอำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ และประชาชน โดยเฉพาะภารกิจด้านการอนุมัติหรืออนุญาต เพื่อลดโอกาสในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง และปิด ช่องทางการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตัว โดย สมอ. มีการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่อง ครบเต็มรูปแบบ ทุกกิจกรรม ตั้งแต่การยื่นคำขอใบอนุญาต มอก. ผ่านระบบe-License เมื่อผู้ประกอบการ ยื่นผลการตรวจโรงงาน พร้อมผลการตรวจสอบสินค้า เข้ามาในระบบครบทั้ง 2 ส่วน ระบบจะใช้เวลาในการออกใบอนุญาต เฉลี่ยไม่เกิน 4 วันทำการ สำหรับการชำระค่าบริการของผู้ประกอบการสามารถชำระผ่านระบบ e-Payment รวมถึงการตรวจติดตามภายหลังได้รับใบอนุญาตผู้ประกอบการสามารถดำเนินการผ่านระบบ e-Surveillance ได้ ซึ่งเป็นการลดโอกาสในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ สมอ. โดยตรง
ทั้งนี้ สมอ. ยืนยันถึงความโปร่งใสในการทำงาน โดยมีรางวัลการประเมิน คุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment Awards : ITA Awards) จากสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นเครื่องการันตี ซึ่ง สมอ. ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงเป็นสิ่งตอกย้ำว่า การดำเนินงานของ สมอ. มีความโปร่งใส และเป็นธรรม สามารถตรวจสอบได้
“เชื่อว่า การที่ถูกกล่าวหา มีความเป็นไปได้ว่า เกิดจากความเข้มงวดตรวจสอบสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. ผู้ประกอบการบางรายที่ถูกตรวจสอบและมีสินค้าไม่ได้มาตรฐานจึงกล่าวพาดพิง สมอ. โดยตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 จนถึงปัจจุบัน สมอ. ตรวจสอบพบผู้ประกอบการที่ลักลอบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและเป็นสินค้าที่ไม่มี มอก. 431 ราย ในจำนวนนี้ตรวจสอบเบื้องต้นจาก 57 ราย ที่โฆษณาผ่านแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ จากนั้นจึงขยายผลตรวจสอบพบเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังพบว่ากว่า 50% ผู้ประกอบการเป็นชาวต่างชาติที่มาประกอบกิจการในประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบว่าบางรายมีใบอนุญาต มอก. แต่ต่อมาลักลอบนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกัน แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน สำหรับกลุ่มสินค้าที่พบว่า
ลักลอบนำเข้าและไม่ได้มาตรฐานมากที่สุดได้แก่ เหล็ก ยางล้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า และโภคภัณฑ์”
ทั้งนี้ สมอ. ยืนยันว่า การเข้าตรวจค้นสถานประกอบการโดยไม่มีหมายค้นขอชี้แจงว่า พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เป็นกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจกับ สมอ. ในการกำกับดูแลสินค้าที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยสามารถเข้าไปตรวจสถานที่ผลิต สถานที่เก็บ และสถานที่จำหน่ายสินค้าได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น แต่ต้องแสดงบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีผู้ประกอบการเจ้าของสถานที่ร่วมตรวจด้วยทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สมอ. ได้ดำเนินการเพื่อหาข้อเท็จจริง โดยประสานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อขอหลักฐานเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบ เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม หากตรวจสอบแล้วพบการกระทำ ผิดจริงตามที่ถูกพาดพิง จะดำเนินการทางวินัยขั้นเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดโดยไม่มีข้อยกเว้น
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี