บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัท บีบีจีไอ หรือ BBGI เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม BBGI แจ้ง SET ว่าคณะกรรมการของบริษัทอนุมัติให้ซื้อหุ้น BBGI Bio Diesel ที่เหลืออีก 30% จากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสามราย รวมถึงจาก UAC Global (UAC) ด้วย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 370.5 ล้านบาท หากธุรกรรมนี้ดำเนินการเสร็จ BBGI จะกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ BBGI Bio Diesel ซึ่งมีโรงงานผลิตไบโอดีเซลสองแห่งกำลังการผลิตรวม 1,000,000 ลิตร/วัน บริษัทคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จเรียบร้อยภายใน 4Q67F เรามองบวกกับธุรกรรมนี้เพราะ BBGI Bio Diesel เป็นบริษัทย่อยที่ดีมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูง เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็ม 100% เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568F ของเราขึ้นอีก 20% เป็น 756 ล้านบาท จากการที่ BBGI เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีก 30%ใน BBGI Bio Diesel โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2567F เอาไว้ที่ 355 ล้านบาท

เราคาดว่ากำไรในปี 2567F จะเพิ่มเป็น 355 ล้านบาท (+3,501% YoY) จากปริมาณยอดขายไบโอดีเซลที่คาดจะเพิ่มขึ้นถึง 71% YoY เป็น 475 ล้านลิตร เพราะอุปสงค์ไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้นจาก Bangchak Sriracha (BSRC) หลังจากที่ Bangchak Corporation (BCP) กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน BSRC ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2566 โดยทั้ง BCPและ BSRC ได้มอบหมายให้ BBGI ซึ่ง BCP ถือหุ้น 45%เป็นผู้จัดหาไบโอดีเซลเพื่อนำมาผสมกับน้ำมันดีเซลสำหรับส่งให้สถานีบริการน้ำมันแบรนด์บางจากทุกแห่ง เรายังคาดว่ากำไรจะโตถึง 113% YoY เป็น 756 ล้านบาทในปี 2568F และจะโตอีก 38% YoY เป็น 1.05 พันล้านบาทในปี 2569F จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ Sustainable Aviation Fuel (SAF) กำลังการผลิตรวม 1,000,000 ลิตร/วัน ใน 1H68F ทั้งนี้ BBGI และ BCP ถือหุ้นในโครงการ SAF บริษัทละ 20% และ 80% ตามลำดับ

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H68F ที่ 10.00 บาท จากเดิมที่ 7.90 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568F ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ BBGI

ปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของ margin เอทานอลและไบโอดีเซล, ปริมาณยอดขายของทั้งสองผลิตภัณฑ์ และแผนเปิดดำเนินโครงการ SAF ใน 1H68F

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)