nn ฟังซุ่มเสียงของผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลหลายคนโดยเฉพาะจากปากของคุณพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...เรื่องโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 2 ที่คาดว่าจะเริ่มแจกในปี 2568 (หลังจากที่แจกเงินสดให้กับกลุ่ม เปราะบาง 14 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้) ไปแล้ว...ดูเหมือนคนที่เหลือคงต้องรอลุ้นแบบหายใจไม่ทั่วท้อง...เพราะไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้กันแน่...!! มองโลกในแง่ดีก็คิดว่ารัฐบาลคงจะเริ่มฟังเสียงทักท้วงของบรรดานักเศรษฐศาสตร์หลายท่านที่ออกมาเตือนไปในทิศทางเดียวกันว่า “จะได้ไม่คุ้มเสีย” กับโครงการแบบนี้ที่ใช้เงินถึง 5 แสนล้านบาท..ทั้งๆที่รัฐบาลก็ไม่ได้มีเงินเหลือมาแจกประชาชนแต่ต้องไปกู้มาสร้างหนี้ก้อนโตให้กับประเทศ...อย่างเช่นล่าสุดที่ นายสมประวิณมันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์…ได้กล่าวไว้ในการแถลงข่าวการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี’67-68ว่า “โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต คาดว่าจะส่งผลต่อจีดีพี ปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.5-0.7% ส่งผลให้จีดีพีขึ้นมาแตะในระดับ 3% แม้ใช้วงเงินสูง แต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่และชั่วคราว ส่งผลให้หนี้สาธารณะไทยอาจมีแนวโน้มชนเพดานในปี 2570”…!! ก็อย่างที่...แวดวงการเงิน...เคยบอกไว้ว่า...โครงการดิจิทัล วอลเล็ต...ไม่มีทางสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจเหมือนกับที่รัฐบาลและที่พรรคเพื่อไทยโม้ไว้ในตอนหาเสียง....มาถึงตอนนี้ที่โครงการนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...เพราะก้อนแรกจะแจกเป็นเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน (วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท)...เม็ดเงินจำนวนไม่น่าจะต่ำกว่า 30% จะไหลเข้าสู่กระเป๋า “เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ” เพราะคนกลุ่มเปราะบางเกือบ 100% เป็นหนี้นอกระบบ...ทันทีที่เงินโอนเข้าไปพวกเจ้าหนี้แก๊งเงินกู้นอกระบบมายืนรอหน้าบ้านแล้ว...เงินที่เหลืออีกนิดหน่อยเอาไปซื้อข้าวสารอาหารแห้งหรือของใช้ในชีวิตประจำวัน...บางรายส่วนหนึ่งก็ไหลลงขวดเหล้าขาว...หรือบางคนโชคดีไม่มีหนี้นอกระบบ (เชื่อว่าน้อยมาก)...ก็จะใช้จ่ายบ้าง 20-30%...เงินที่เหลือก็เก็บเอาไว้จ่าย..ค่าน้ำ...ค่าไฟ...ให้ลูกไปโรงเรียน ฯลฯ...สรุปเงินก้อนแรก 1.4 แสนล้าน...ไม่ได้ก่อให้เกิดการลงทุนในระดับรากหญ้าเลยแม้แต่บาทเดียว...เมื่อเป็นเช่นนี้เงินจะหมุนได้ไม่ถึง 1 รอบด้วยซ้ำไป...ส่วนเฟส 2 (สมมุติว่าแจกได้นะ)...ก็จะแบ่งเป็น2 ก้อน...5 พันบาทแรกเป็นเงินสด ที่เหลือ เป็นเงินดิจิทัล...รูปแบบการไหลของเม็ดเงินประมาณกว่า 3 แสนล้านบาท....แม้อาจจะไม่เหมือนกับเฟสแรกเสียทีเดียว...แต่ก็ไม่ต่างกันอีกนั่นแหละ...ไม่ได้ก่อให้เกิดการลงทุนระดับรากหญ้าเช่นกัน...แต่เงินส่วนใหญ่ในเฟสนี้จะหมุนเข้ากระเป๋า “นายทุนใหญ่” เพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น...!! สรุปคือ...ยอมรับเถอะว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ไม่ได้แสดงถึงฝีมือของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยในเรื่องเศรษฐกิจเลยแม้แต่น้อย....nn

อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ