nn คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ในฐานะหัวหน้าทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาล)...ได้กล่าวไว้ในเวทีเสวนาเวทีหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ว่า...ในปี 2568 หากเศรษฐกิจโตได้ตามศักยภาพน่าจะอยู่ที่ 3% และยังมีโอกาสที่ Real GDP จะขยายตัวถึง 3.5%...ขณะที่ คุณเผ่าภูมิโรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง...ก็ได้กล่าวว่ากรณีที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ในไตรมาส 4 ไว้ที่2.6% ซึ่งถือว่า ต่ำกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้3.5% ซึ่งแตกต่างกันมาก...แต่ทั้งนี้ก็ขอให้รอดูตัวเลขจริง ซึ่งในไตรมาส 3 ดีมาก ส่วนไตรมาส 4 คลังก็คาดว่าจะออกมาดีมากเช่นกัน...สำหรับเศรษฐกิจ ปี 2568 คาดแนวโน้มดี จะเห็นจากการลงทุนภาครัฐฟื้นตัวแรง การท่องเที่ยวดีขึ้น เศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะเติบโตได้ถึง 3% …แวดวงการเงิน...ไม่แปลกใจที่เสนาบดีคลังทั้ง 2 ท่านจะกล่าวเช่นนั้นเพราะในทางการเมืองยังไงก็ต้องสร้างภาพในเชิงบวก...แต่แปลกใจตรงที่ก็ในเมื่อเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะดีขึ้นแล้ว...ทำไมยังจ้องจะเอาเงินงบประมาณมาทำนโยบายแบบ“เฮลิคอปเตอร์มันนี่”อยู่อีกล่ะครับนาย...ทั้งที่รู้ว่าไทยมีความเสี่ยงเรื่องหนี้สาธารณะที่ใกล้เต็มเพดาน...!! เอาล่ะ...สมมุติว่าเชื่อว่าตัวเลขจีดีพีมันจะไปถึงอย่างที่ท่านเสนาบดีคลังทั้ง 2 ท่านพูดไว้...แต่ด้วยสถานการณ์ความผันผวนของการค้าการลงทุน ตลาดเงิน...ที่โลกและไทยกำลังจะเผชิญในปี 2568...ลองตอบคำถามหน่อยว่า 1.มีแผนรับมือกับการส่งออกไทยที่จะหายไปประมาณ 1.6 แสนล้านบาท หลังจากที่สินค้าไทยถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษีเพิ่มขึ้น 10% รวมทั้งสินค้าไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทานของสินค้าส่งออกจีนที่ส่งออกไปสหรัฐจะหดหายไปเพราะสหรัฐขึ้นภาษีสินค้า 60% …2.เมื่อเศรษฐกิจจีนรับผลกระทบเชิงลบจากสงครามการค้า นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นเป้าหมายของไทยก็ย่อมจะหดหายไปด้วย...รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่ก็จะรับผลกระทบทบจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนเพราะสงครามการค้า....มีแผนรับมืออย่างไร...3.เมื่อสหรัฐมีแผนจะดึงการลงทุนกลับประเทศ...ไทยมีแนวนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร...และกระแสการโยกย้ายฐานการผลิตมายังฝั่งเอเชียเพื่อหนีพิษสงครามการค้า...ไทยมีอะไรจะเข้าไปแข่งชิงเม็ดเงินลงทุนเหล่านั้นได้บ้าง...เมื่อเทียบกับเวียดนาม...ที่ทั้งต้นทุนพลังงาน ค่าแรง ต่ำกว่าไทย...หรือจะไปแข่งกับ มาเลเซีย อินโดนีเซีย อย่างไรในการแย่งชิงเงินลงทุนในกลุ่มแบตเตอรี่สำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าสะอาด...ในเมื่อไทยไม่มีแร่ธาตุสำคัญสำหรับผลิตแบตเตอรี่ขณะที่อินโดนีเซียมีอยู่มากมายมหาศาล(มากที่สุดอันดับ 3 ของโลก)...!! เอาแค่ 3 คำถามนี้ก็พอ...หากรัฐบาลมีแผนงานมีแนวนโยบายที่ชาญฉลาดที่จะรับมือกับ 3 ประเด็นที่ตั้งคำถามไปได้...แวดวงการเงิน..ก็จะเชื่อว่ารัฐบาลทำให้จีดีพีไทยเติบโตได้อย่างที่พวกท่านพูดได้จริง...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี