nn แว่วมาว่า...ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต คนใหม่ล่าสุด...จะเข้ากรมฯวันแรกในวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายนนี้...แวดวงการเงิน...เชื่อว่าหนึ่งโจทย์ใหญ่โจทย์แรกๆ ที่ ดร.กุลยา..จะต้องแก้คือ...การฟื้นฟูรายได้จากภาษียาสูบที่หดหายไปปีละ 1.7 หมื่นล้านบาท (ในปีงบประมาณ2567)...ทั้งนี้ก็เพราะว่าบุหรี่ที่ถูกกฎหมายนั้นขายได้ลดลงเนื่องจากถูกบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าแย่งส่วนแบ่งตลาดไป...และหากจัดการกับบุหรี่เถื่อนไม่ได้หรือบริหารจัดการเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้...ส่วนแบ่งตลาดของบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าก็จะยังเพิ่มขึ้นอีก (จากสถิติย้อนหลังปี 2560 มีแค่ 10% ปัจจุบันเพิ่มเป็น 25%) ด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ อีกไม่เกิน 10 ปีก็จะไม่เหลือบุหรี่ถูกกฎหมายอยู่เลย...แน่นอนว่าเรื่องการกำจัดบุหรี่เถื่อนบุหรี่ไฟฟ้านั้น กรมสรรพสามิตทำเพียงลำพังไม่ได้...แต่ก็ต้องยอมรับว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บุหรี่เถื่อนเติบโตได้มากขนาดนี้ก็เพราะราคาของบุหรี่ถูกกฎหมายแพงเกินไป...เมื่อเทียบกับความสามารถในการซื้อของประชาชนผู้สูบบุหรี่...และก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่าสาเหตุที่ทำให้บุหรี่ถูกกฎหมายมีราคาแพงก็เพราะประเด็นของ“ภาษียาสูบ แบบ 2 เทียร์”...อัตราภาษีที่สูงทำให้ราคาบุหรี่ถูกกฎหมายแพงมาก...ผู้บริโภคจึงหันไปใช้บุหรี่เถื่อนแทน ซึ่งราคาต่างกันเกือบ 40-50 บาท/ซอง...และส่วนหนึ่งก็หันไปสูบ“ยาเส้น”แทน ซึ่งก็ราคาถูกกว่าบุหรี่เถื่อนด้วย เหตุเพราะเสียภาษีในอัตราที่ต่ำมากๆๆ...!! กลับมาที่ภาษีบุหรี่...ดร.เอกนิตินิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีสรรพสามิต ท่านก่อนหน้านี้...เข้าใจดีว่าต้องแก้เรื่องภาษีแบบ 2 เทียร์...และก็ทำการศึกษาอย่างรอบด้านจนรู้ว่าทางที่ดีที่สุดคือภาษีแบบเทียร์เดียว...ซึ่งก็พยายามผลักดันมาตลอด 2 ปีนี้...เพียงแต่ระดับนโยบายไม่กล้าตัดสินใจ...ทำให้เรื่องไม่ไปถึงไหนสักที...แวดวงการเงิน...หวังใจเหลือเกินว่าภายในปีงบประมาณ 2568 นี้...เรื่องโครงสร้างภาษีจะได้รับการแก้ไขให้เป็นอย่างที่ถูกที่ควรเสียที...!! อ้อ..ว่าด้วยเรื่องภาษียาสูบแล้วนอกจากประเด็นของอัตราแล้ว...โครงสร้างภาษีควรนำมาทบทวนด้วยก็ดีเหมือนกัน...มูลค่าของบุหรี่ 1 มวน...มีภาษีอยู่ในนั้นถึง 82%...แบ่งเป็นภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (Earmarked Tax) ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีมหาดไทย ภาษีมูลค่าเพิ่ม...!! อะไรมันจะมากมายขนาดนั้นว่าไหม...ลองมาช่วยกันคิดไหมว่าควรจะทบทวนกันอย่างไรดี...อีกเรื่องคือภาษียาเส้น...ที่ปัจจุบันเก็บกันอยู่ต่ำมากๆ...คือผลิตไม่เกิน 1.2 หมื่นกิโลกรัม/ปี เก็บที่ 0.025 บาท/กรัม...ถ้าเกิน 1.2 หมื่นกิโลกรัม เก็บที่ 0.10 บาท/กรัม...ที่เก็บต่ำมากๆ ขนาดนี้ก็หวังจะช่วยเกษตรกรรายย่อย...!! อยากจะบอกว่าคนที่ขายยาเส้นอยู่ตอนนี้คือเถ้าแก่ทั้งนั้น...โคตรจะรวยเลยขอบอก...อันนี้กลับมาคิดทบทวนกันใหม่ก็ดีไม่น้อยเช่นกัน... nn
อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี