บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) อัปเดตบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพหรือ BEM เราปรับลดปริมาณรถใช้ทางด่วนเฉลี่ยลง 4% อยู่ที่ 1.13 ล้านเที่ยว/วัน (ต่ำกว่าเป้าทั้งปีของBEM ที่ 1.17 ล้านเที่ยว/วัน) และปรับลดจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าMRT เฉลี่ยต่อวันลง 6% เหลือ 4.25 แสนคน (ต่ำกว่าเป้าทั้งปีของ BEM ที่ 4.50 แสนคน/วัน) สำหรับปี 2567F รายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ยังคงเป็นไปตามแผน รายได้รวมจึงอาจลดลง 4%จากประมาณการก่อนหน้าของเราที่ 1.74 หมื่นล้านบาท (+6% YoY)ปีหน้า เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจทางพิเศษแทบจะคงที่ตามปริมาณรถใช้ทางด่วน แต่รายได้จากธุรกิจระบบรางและการพัฒนาเชิงพาณิชย์น่าจะโตต่อเนื่องในอัตราเลขสองหลัก เราได้ปรับอัตรากำไรขั้นต้น ค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนการเงินเล็กน้อย กำไรปี 2567Fน่าจะอยู่ที่ 3.85 พันล้านบาท (คิดเป็น 76% ใน 9M24) จากนั้นจะเติบโต 7.6% YoY อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาทในปี 2568F

กำไร 4Q67 และ 1Q68F น่าจะแผ่วลงจากการไม่มีเงินปันผลรับ แต่ธุรกิจหลักน่าจะยังแข็งแกร่ง ปกติจำนวนผู้โดยสารต่อวันในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนจะหนาแน่นแต่ธันวาคมอาจอ่อนตัวเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว ปีหน้าเราประมาณการจำนวนผู้โดยสารต่อวันและรายได้จากการขายตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าเติบโต 10-12% หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเกินกว่า 13% หรือ +2.5ppt ด้านธุรกิจการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในสถานีรถไฟฟ้า MRT น่าจะโตตามธุรกิจระบบรางตรงข้ามกับธุรกิจทางพิเศษที่น่าจะยังทรงตัว

เราคาดว่าโครงการทางด่วนสองชั้นมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทจะได้ข้อสรุปใน 1Q68F น่าจะมาพร้อมกับการแก้ไขระยะเวลาสัมปทานและการแบ่งรายได้กับภาครัฐเพื่อรับแนวคิดของรัฐบาลในการลดราคาค่าผ่านทางเฉลี่ยเหลือ 50 บาทต่อเที่ยว นโยบายค่าตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าที่ 20 บาทตลอดสาย จากรัฐบาลในการซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าทั้งหมดกลับมาเป็นของรัฐแล้วสัญญาจะแปลงเป็นรูปแบบจ้างเอกชนดำเนินงานจากเดิมเป็นเอกชนรับสิทธิ์ในการเก็บรายได้และรับความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานทั้งหมด เรามองว่า BEM ไม่น่าได้รับผลกระทบเพราะรัฐบาลยืนยันว่าจะคงสัมปทานตามเดิมไม่ว่าจะเป็นทางด่วนหรือรถไฟฟ้าสาย MRT และรัฐจะรับภาระส่วนต่างราคา การขอซื้อสัมปทานคืนกลับมาเป็นของรัฐอาจบ่งบอกว่า BEM จะได้รับเงินสดส่วนเกินก้อนใหญ่เพิ่มอีกด้วย

เราคงคำแนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 11.20 บาททั้งนี้ ประมาณการของเราอาจเปลี่ยนแปลงไปตามการแก้ไขสัมปทานของ BEM ที่จะเกิดขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงจากความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ๆ การแก้ไขสัญญาต่างๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่างๆ ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทย

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)