nn เห็นวิธีบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยการปั้นโครงการสารพัด“แจกเงิน”...ซึ่งก็ล้วนแต่มาจากเงินภาษี...ก็เป็นห่วงกระทรวงการคลัง...คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...คงต้องวิ่งหาเงินกันหัวหมุนหนักกว่าลูกข่าง...ส่วนกรมจัดภาษีที่เหนื่อยหนักหน่อยก็น่าจะเป็นกรมสรรพสามิต...แวดวงการเงิน...รู้สึกเห็นใจ
ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีสรรพสามิต เป็นที่สุด...เพราะไปไล่เช็คดูสินค้าที่อยู่ในพิกัดภาษีสรรพสามิตหลายตัวต้องเจอกับความท้าทายจากหลายๆ ปัจจัย...เช่น ภาษีรถยนต์..ก็จะโดน Disrupt จากกระแสรถยนต์ EV…แน่นอนกระทบชิ่งไปถึงภาษีน้ำมันด้วย...แล้วหากรัฐบาลจะให้หั่นภาษีเพื่อตรึงราคาน้ำมันอีกก็ยิ่งซ้ำเติมหนักเข้าไปอีก...อีกหนึ่งภาษีที่หนักหนา
สาหัสคือภาษียาสูบ...อย่างที่บอกว่าหลายปีมานี้ภาษียาสูบหายไปปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท...เนื่องจากบุหรี่ถูกกฎหมายถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดไปมากเหลือเกิน..ล่าสุดปี’66-67 ส่วนแบ่งตลาดหายไป 25%...ย้อนกลับไป 3-4 ปี ก่อนอยู่ที่เพียง 10% กว่าเท่านั้น...แสดงให้เห็นว่าเป็นอัตราเติบโตของส่วนแบ่งตลาดที่หายไปมันสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด...!! ตัวการร้ายที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของบุหรี่ถูกกฎหมายก็คือ..บุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้านั่นเอง...!! เรื่องบุหรี่เถื่อน..เห็นกันอยู่ว่าสภาพการทำงานของภาครัฐในเรื่องการปรามปรามเป็นอย่างไร...ถ้าจะบอกว่ามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน???...ก็คงจะพิสูจน์ได้จากสถานการณ์ของบุหรี่เถื่อนจากที่เคยระบาดในพื้นที่ภาคใต้...ตอนนี้กระจายไปทั่วทุกหัวเมืองใหญ่และทะลักเข้ากรุงเทพฯและปริมณฑลเรียบร้อยแล้ว...ส่วนบุหรี่ไฟฟ้า..ว่าเชื่อว่าสังคมคงจะเข้าใจว่าคือ “บุหรี่ไฟฟ้าแบบน้ำ”...ที่มีกลิ่นหอมๆ สูบง่ายๆ
...ก็ไม่รู้ปราบปรามกันท่าไหน...ถึงได้หาซื้อง่ายกว่าลูกอม...ระบาดเข้าถึงเด็กและเยาวชนไปทั่วประเทศ...อย่างที่บอกว่ากรมศุลกากรจีนรายงานว่า ปี’66-67 ส่งออกบุหรี่ไฟฟ้ามาไทยถึงปีละ 2 พันล้านบาท...ไม่นับรวมบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเดียวกันที่ทะลักเข้ามาจากมาเลเซียอีกมหาศาล (มาเลเซียเขาผลิตเอง มีแบรนด์ของตัวเอง)....เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า...แวดวงการเงิน...ฟันธงเลยว่าใช้วีธี“แบน” แก้ปัญหาไม่ได้...และดูเหมือนสภาผู้แทนราษฎรก็จะมองเห็นปัญหานี้เหมือนกันก็เลยตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา...ซึ่งรายงานผลการศึกษาก็ใกล้จะเสร็จเต็มทีแล้ว (เพราะใช้เวลามากเกือบจะ 2 ปี)...!! ก็แอบรู้มาว่าจะให้คณะกรรมธิการโหวตว่าจะเอาแนวทางใดจากทั้งหมด3แนวทางคือ 1.“แบน” ทั้งหมด... 2.เปิดให้เฉพาะ Heated Tobacco Products (HTP) ซึ่งทำมาจากใบยาสูบ เพียงแต่ใช้ความร้อนทำให้ Nicotine ระเหยออกมาแทนการจุดไฟเผาเหมือนบุหรี่ทั่วไป
...3.ปลดล็อกให้ทั้ง HTP และบุหรี่ไฟฟ้าแบบน้ำ...!! ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ...ระหว่างที่รอผลการศึกษา(รอผลโหวต) ซึ่งก็มีการวิ่งล็อบบี้กันอยู่...กลุ่มสาธารณสุข..ก็โหมละเลงงบจัดอีเว้นท์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า...ประเด็นล่าสุดก็บอกว่าอันตรายมากเพราะมี “น้ำยาดองศพ” ผสมอยู่...เจ้าของบุหรี่ไฟฟ้าแบนน้ำที่เป็นแบรนด์บุหรี่ใหญ่ของโลก 3-4 ราย..ที่ผลิตขายกันอยู่ใน 79 ประเทศทั่วโลกก็บอกว่า...เลอะเทอะ...จะใส่ไปทำไมไม่มีประโยชน์อะไรเลยซ้ำเพิ่มต้นทุนแบบโง่ๆ...!! ส่วนที่มาจากประเทศอื่นอันนั้นเขาไม่รู้...!! สำหรับ...แวดวงการเงิน...ไอ้ที่มาจากจีนอันนี้หากเอาเข้าห้องแลปอาจจะเจอก็ได้เพราะบางแห่งก็ทำกันแบบไม่มีมาตรฐาน...แต่ประเด็นคือในเมื่อเราไม่มีปัญญาจะปราบได้หากเปิดให้ถูกเราก็จะคุมเรื่องคุณภาพได้สินค้าทุกตัวที่จะขายก็ต้องผ่าน “อย.” ก่อน...แต่หากเลือก “แบน” แบบงั่งๆต่อไปแล้วก็ปราบไม่ได้...ก็จะเจอแต่ของคุณภาพต่ำๆ..และ “ทุนเทา”ก็รวยกันต่อไป...nn
อนันตเดช พงษ์พันธ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี