บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) อัปเดตแนวโน้มกลุ่ม non-bank หลังจากได้คุยกับบริษัทในกลุ่ม non-bank หลายแห่ง ทำให้ทราบว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกลุ่ม non-bank กำลังหาทางกำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าบริษัทในกลุ่ม non-bank ซึ่งจะแตกต่างจากมาตรการที่ใช้กับลูกค้าของกลุ่มธนาคารที่ได้รับการอนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ก่อนกรณีของ non-bank นั้น ธปท. กำหนดมาตรการช่วยเหลือเบื้องต้นโดยสนับสนุนให้บริษัทnon-bank 1.) ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกหนี้ที่ประสบปัญหา(ผิดนัดชำระ 30-365 วัน) ลงจากระดับดอกเบี้ยเงินกู้ปัจจุบัน -10%2.) ลดค่างวดผ่อนชำระรายเดือนของลูกหนี้ที่ประสบปัญหาลง 70%โดยที่บริษัท non-bank จะได้สินเชื่อ soft loan ที่อัตราดอกเบี้ย 0.1%(กู้จากธนาคารออมสิน) บริษัท non-bank เผยว่ากรอบเวลา และ ได้ข้อสรุปของมาตรการช่วยเหลือในช่วงต้นปี 2568

MTC คาดว่าจะนำมาตรการช่วยเหลือมาใช้กับลูกหนี้ใน stage 2 (ผิดนัดชำระ 30-90 วัน) ขณะที่ AEONTS อาจใช้กับลูกหนี้ที่กลายเป็น NPL แล้ว เพื่อเพิ่มรายได้จากการติดตามหนี้เสียKTC คาดว่าจะมีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ไม่มาก โดยเกณฑ์ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่หากปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของลูกหนี้ที่ประสบปัญหาลง 10% จากอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของลูกหนี้ที่ประสบปัญหาลดจาก 18-20% ในปัจจุบัน เหลือ 9-10%ซึ่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของลูกหนี้ที่เข้าร่วมเราได้ทำการวิเคราะห์ sensitivity ของผลกระทบต่อกำไรสุทธิ โดยใช้สมมุติฐานว่ามีลูกหนี้ที่ประสบปัญหาคิดเป็น 2%-6% ของยอดสินเชื่อคงค้าง พบว่าผลกระทบสุทธิต่อกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ในช่วง3%-10% คาดว่า AEONTS จะถูกกระทบหนักที่สุด รองลงมาคือ MTC และ TIDLOR

ตามมาตรการช่วยเหลือที่นำมาใช้ในสัปดาห์ที่แล้ว KTC และTIDLOR ถูกจัดเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร และ อาจจะไม่จำเป็นใช้มาตรการช่วยเหลือ เพราะสามารถยืมเงินจากธนาคารแม่ หรือ ออกหุ้นกู้ใหม่ได้ และ ไม่จำเป็นต้องใช้ soft loan จากธนาคารออมสิน บริษัท non-bank ที่ต้องการเงินทุนอาจจะไม่มีทางเลือก

ภาพในเบื้องต้นของมาตรการช่วยเหลือที่จะนำมาใช้กับบริษัทในกลุ่มดูเป็นลบ ทั้งนี้ เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์ของมาตรการ ซึ่งหากการลดดอกเบี้ยเงินกู้ช่วยลูกค้าผิดนัดมีการคำนวณจากเพดานดอกเบี้ย -10% แทนที่จะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินตามสัญญา -10% ผลกระทบด้านลบจะสมดุลมากขึ้นไม่เช่นนั้น บริษัท non-bank อาจจะตัดสินใจไม่เข้าร่วมโครงการของ ธปท.

ปัจจัยเสี่ยงจาก NPL เพิ่มขึ้น และ credit cost เพิ่มขึ้น,แรงกดดันทางด้านกฎเกณฑ์ของทางการ

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)