บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากที่สินเชื่อ มีแนวโน้มหดตัวติดต่อกันมาหลายเดือน(ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567)ธนาคารส่วนใหญ่หันมาขยายสินเชื่ออีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยเฉพาะ BBL, KBANK และ KTB สำหรับ BBL สินเชื่อขยายตัวติดต่อกันมาสองไตรมาสแล้ว ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจในประเทศขณะที่สินเชื่อระหว่างประเทศยังทรงตัว ขณะที่สินเชื่อของ KTB ที่ขยายตัวในเดือนพฤศจิกายน 2567 หลักๆ มาจากสินเชื่อภาครัฐ และ สินเชื่อรายย่อย ในทำนองเดียวกันธนาคารอื่นๆ ก็บอกว่าสินเชื่อธุรกิจที่ขยายตัวในหมวดสาธารณูปโภคช่วยขับเคลื่อนการเติบโต

ในภาวะที่ขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ธนาคารส่วนใหญ่เพิ่มสถานะการลงทุนในตราสารหนี้ ยกเว้น BBL ที่ลดสถานะลง 4% MoM แต่ยังเพิ่มขึ้น 2% YTD ขณะที่ KTB ลงทุนในตราสารหนี้อย่างคึกคักโดยเพิ่มขึ้น 11% MoM และ 36% YTD เช่นเดียวกับ KBANK ที่เพิ่มสถานะการลงทุนติดต่อกันมาสองเดือนเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 7% MoM และ 11% YTD นอกจากนี้ SCB, TISCO และ BAY ต่างก็ขยับในทิศทางเดียวกัน การลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มน่าจะทำให้มีกำไร FVTPL จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง

BBL และ TTB มองแนวโน้มคล้ายๆ กัน ว่า ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)น่าจะค่อนข้างนิ่งใน 4Q67 แม้ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLR ลงในเดือนตุลาคม ทั้งสองธนาคารได้ปรับเงินฝากประจำระยะยาวซึ่งมีต้นทุนสูงที่ครบอายุใน 4Q67 บางส่วนมาเป็นเงินฝากระยะสั้นแทน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ธนาคารบริหารจัดการต้นทุนเงินฝากให้ลดลงได้สอดคล้องกับ yield สินเชื่อที่ลดลง นอกจากนี้ธนาคารทุกแห่ง (ยกเว้น BBL) ยังปรับลดสถานะปล่อยกู้ในตลาดเงินอย่างมากในเดือนพฤศจิกายนซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อ NIM เพราะเป็นการลดจำนวนสินทรัพย์ yield ต่ำในพอร์ตลง

ขณะที่ NIM สมดุลมากขึ้น ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) ยังจะสูงอยู่ใน 4Q67 เพราะสินเชื่อผู้บริโภคบางส่วนย้ายจาก stage 2 ไปเป็น stage 3 เรายังคงระมัดระวังกับธนาคารที่มีการปล่อยสินเชื่อผู้บริโภคในระดับสูงอย่าง SCB และชอบ BBL มากกว่าเพราะมีการปล่อยสินเชื่อธุรกิจอยู่ในระดับสูง

ปัจจัยเสี่ยงจาก NPLs เพิ่มขึ้น และ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น

ที่มา..เคจีไอ  (ประเทศไทย)