nn ประชาชนคนไทยอย่างเพิ่ง “ดราม่า” กันนะ...ผู้ประกอบการก็อย่าเพิ่งออกมาตีโพยตีพายกันไปก่อน...กับเรื่องที่..ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต...บอกว่ากำลังผลักดัน “ภาษีความเค็ม”...โดยเป้าหมายแรกน่าจะเป็นกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว...ซึ่งว่ากันตามตรงก็ไม่ถือว่าเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต...!! หลักใหญ่ใจความของวิธีคิดเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องรายได้ภาษี...เป้าประสงค์หลักของกรมสรรพสามิตคือ...เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนคนไทยโดยเฉพาะเด็กๆ ที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักของสินค้ากลุ่มนี้...เพราะตอนนี้คนไทยบริโภคโซเดียมเกินมาตรฐานสากลถึง 2 เท่า...และผู้ป่วยโรคไต โรคความดัน (มีสาเหตุหลักมาจากการกินเค็มมากเกินไป) ของไทยก็เพิ่มขึ้นทุกปี...เรื่องนี้เคยพิสูจน์มาแล้วว่าทำได้จากการเก็บภาษีความหวานกับเครื่องดื่มเพื่อลดปัญหาโรคเบาหวานของคนไทย...ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการปรับตัวผู้บริโภคก็ปรับตัวได้จนตอนนี้คนไทยชินกับการกินหวานน้อยลง...เรื่องความเค็มก็เช่นกันสักพักหนึ่งก็จะปรับตัวได้เช่นกัน...ที่สำคัญกรมสรรพสามิตก็ให้ระยะเวลา ผู้ประกอบการปรับตัว จึงต้องจัดให้จัดเก็บแบบขั้นบันได...ส่วนส้มตำปลาร้า ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านค้าแผงลอบที่ใส่เครื่องปรุงในอาหาร ที่มีความเค็มหรือโซเดียมสูงๆ....กรมสรรพสามิตยังไม่มีนโยบายที่จะเก็บภาษีกับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยทั่วไป...ดังนั้นสบายใจกันได้ครับผม... 

nn วันก่อนคุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง...ไปแถลงข่าวเรื่องแนวทางการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไข 3 ข้อ เกี่ยวกับการผลิตสุราชุมชน..แต่ก่อนที่จะเริ่มแกบอกว่า...ด้วย DNA ของพรรคเพื่อไทยนั้นเกิดมาจากประชาชนคนรากหญ้า...จึงผลักดันเรื่องนี้เพื่อให้คนตัวเล็กได้มีโอกาสมีแต้มต่อในการแข่งขัน....โถๆๆๆ พ่อหนุ่มเรื่อง “สุราชุมชน” คนไทยเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าผลงานของพรรคการเมืองไหนและต้องยกเครดิตให้พรรคการเมืองไหน...!! ส่วนประเด็นที่แถลงว่าเตรียมเสนอปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ข้อ 1.การลดข้อจำกัดเกี่ยวกับสถานที่ตั้งโรงงานขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้สามารถตั้งอยู่ห่างจากแหล่งน้ำสาธารณะ น้อยกว่า 100 เมตร โดยติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียตามที่กำหนด 2.การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางได้ทันที โดยไม่ต้องรอเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก 1 ปี 3.การขยายโอกาสให้โรงเบียร์ Brewpubต้องผลิตเพื่อขายและบริโภคในร้านเท่านั้น เปิดทางให้สามารถบรรจุถังKeg (20ลิตร) ออกขายนอกสถานที่ตามงานเทศกาลต่างได้..!!จริงๆ แล้วทำได้มากกว่านี้นะ...เช่นเรื่อง “คราฟเบียร์” ก็น่าจะสนับสนุนให้เขาใส่ขวด ใส่กระป๋องได้เหมือนนายทุนกลุ่มใหญ่ๆ...หรือเรื่องสุราชุมชน...ที่ไทยมีโรงกลั่นอยู่มากกว่าพันโรง...และมากกว่า 100 โรงที่มีสุรากลั่นที่มาตรการสูงกว่าที่จะเป็นได้แค่ “เหล้าขาว”...ปลดล็อกกฎหมายให้พวกเขาไปบ่มต่อในถัง...สุราชุมชนไทยจะขึ้นชั้นเป็น “วิสกี้” และ “บรั่นดี”...อีกนับร้อยๆ แบรนด์....!! คำถามคือเรื่องพวกนี้ทำไมไม่ทำ????... nn

อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ