บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะกลยุทธ์การลงทุนปี 2568 ประเมินจาก เศรษฐกิจสหรัฐยังดูแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มประเทศ DM ขณะที่แถบยุโรป และ ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากที่โตต่ำในปี2567 ขณะที่ความเสี่ยงเปลี่ยนจากเศรษฐกิจถดถอยมาเป็นสงครามการค้า และ ผลพวงที่จะเกิดกับเงินเฟ้อสหรัฐเมื่อราคาสินค้านำเข้าของสหรัฐแพงขึ้น ประเด็นสงครามการค้า 2.0 เรามองว่ามีโอกาสสูงที่จะไม่รุนแรง มิฉะนั้นจะส่งผลสะท้อนเชิงลบกลับมาที่เศรษฐกิจสหรัฐ เราจึงคาดว่าผลกระทบจากสงครามการค้า 2.0 ต่อการส่งออกไทยจะจำกัด
มุมมองของเราต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่ GDP ปี 2568 ขยายตัว2.8% ดูท้าทาย เพราะเหลือช่องทางการคลังให้ออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมได้จำกัด ขณะที่โมเมนตัมการบริโภคยังซบเซา เรายังคงมองแบบต่างจาก consensus ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 75bps เหลือ 1.50% ในปี 2568 นอกจากนี้ยังมีอีกสองสามปัจจัยที่จะกระทบการตัดสินใจของ กนง. เช่น i) จังหวะการลดดอกเบี้ยของสหรัฐ ii) กรอบนโยบายจากประธานบอร์ด ธปท. คนใหม่ และ ผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ที่จะตั้งในปี 2568
จากปัจจัยข้างต้นเราจึงกำหนดสี่ธีมการลงทุนปีนี้ธีมแรก คือ เลือกลงทุนในหุ้นบางตัวที่จะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจจีน และ หุ้น commodity สำหรับสงครามการค้า 2.0 ที่น่าจะไม่รุนแรง ธีมที่สองคือ อุตสาหกรรมที่มีผู้เล่นน้อยรายซึ่งผลประกอบการยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่องได้แก่กลุ่ม ICT ธีมที่สามคือหุ้นที่ under-valueและ คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะสูง ธีมที่สี่คือหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสูงในปี 2568 ในส่วนของธีมที่สาม และ สี่เราได้คัดหุ้นในเชิงปริมาณจากกลุ่มที่ KGI ศึกษาอยู่
เมื่ออิงจากธีมการลงทุนข้างต้นและ หุ้นประมาณ 10 ตัวที่เข้าเกณฑ์เราคัดหุ้นเด่นที่สุดสำหรับถือลงทุนในปี 2568 ออกมาสามตัว โดยตัวแรกคือ SPRC น่าจะตอบรับในเชิงบวกถ้าสงครามการค้า 2.0 ไม่ได้รุนแรงกว่าที่ตลาดคาดไว้ เรายังคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้จะสูงเกิน 10% และ ราคาหุ้นยังคิดเป็น PE ปี 2568 เพียง 5x ตัวที่สองคือ ADVANC ซึ่งมีธุรกิจ FBB มีแนวโน้มจะเติบโตจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น, ARPU ที่สูงขึ้น และ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลง ธุรกิจมือถือยังน่าจะได้อานิสงส์จากจำนวนผู้ใช้แพ็กเกจมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น และ การใช้งานระบบ 5G ที่เพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะมี premium แต่เรามองว่าสมเหตุสมผลกับวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม แตกต่างจากช่วงวัฏจักรขาลงจากปี 2563-1H66 ตัวที่สามคือ BTG คาดว่ากำไรจะโต 25% ในปี 2568 จากการขยายกำลังการผลิต, ราคาหมูในประเทศที่เพิ่มขึ้น และ GPM ที่เพิ่มขึ้นเพราะช่องทางการขายดีขึ้น ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี