nn เมื่อรัฐบาลตั้งกรอบวงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี...ก็ต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องเพิ่มรายได้จากภาษีให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ที่เก็บได้ราว 14-15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือว่าต่ำมาก....ดังนั้น กรมจัดเก็บภาษีทุกกรม...จึงได้รับเป้าหมายยอดภาษีที่ท้าทายมากขึ้นทุกปีเช่นกัน...ซึ่งกรมจัดเก็บภาษีหลักที่เก็บได้มากที่สุดก็คือ...กรมสรรพากร...ซึ่ง คุณปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร...ก็ตั้งเป้าไว้ว่าในปีงบประมาณ 2568 จะจัดเก็บภาษีไว้ 2.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 5%...ซึ่งก็ถือว่าถ้าท้าทายพอสมควรโดยเฉพาะภาษีนิติบุคคล…เนื่องจากปี 2567 เศรษฐกิจไทยไม่ดีเลยจะเหลือบริษัท ที่มีกำไรมาจ่ายภาษีได้มากน้อยแค่ไหนยังต้องลุ้น...ซ้ำบริษัทใหญ่ที่กำไรเยอะๆ..ก็มีรูปแบบการบริจาคเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีได้ถึง 1.5-2 เท่า...อยู่หลายรูปแบบซะด้วย...การนี้อธิบดีกรมสรรพากร...ก็เลยต้องขยายฐานกลุ่มผู้เสียภาษีประเภทภ.ง.ด. 90-91...เป้าแรกที่เล็งคือกลุ่ม...ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ประกอบธุรกิจในรูปแบบของบุคคลธรรมดา...เช่น การขายสินค้าออนไลน์...กลุ่มที่มีรายได้ที่ไม่ใช่เงินเดือน หรือประกอบอาชีพอิสระ เช่น กลุ่มค้าขายแบบซื้อมาขายไป กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ ฯลฯ...ซึ่งหากมีรายได้ถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี...!! แถมขู่ไว้แรงซะด้วย “ขณะนี้ได้ใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาตรวจจับ จึงขอให้มายื่นไว้ก่อนถูกผิดไม่เป็นไรแก้ไขได้ แต่หากพบว่าไม่มายื่นแบบตามกำหนด และตรวจพบทีหลังก็จะมีบทลงโทษ จะต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามกฎหมาย กรณีเบี้ยปรับต้องเสีย 2 เท่าของภาระภาษี บวกเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือน หรือ 18% ต่อปีนอกจากนี้ยังมีโทษทางอาญา กรณีจงใจสร้างเอกสารเป็นเท็จ หรือใช้ใบกำกับภาษีปลอมจะมีโทษอาญาด้วย จำคุกสูงสุด 7 ปี ” ….!!เชื่อ..แวดวงการเงิน..เถอะ คำว่าหนี้ไม่พ้นยังไงสรรพากรก็หาเราจนเจอ...แล้วก็ไม่มีปรานีด้วยกับคนที่คิดหนีภาษี...
nn ส่วนอีกกรมจัดเก็บที่แบกรับความท้าทายไว้สูงไม่แพ้เป้าหมายที่ได้รับคือ...กรมสรรพสามิต...ซึ่งต้องบอกว่าอย่างน่าเห็นใจ...ดร.กุลยา ตันติเตมิทอธิบดีกรมสรรพสามิต...ครับผมเพราะว่าเป้าหมายยอดการจัดเก็บนั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก..ขณะที่แนวโน้มภาษีก็คงหายไปมากโดยเฉพาะภาษีรถยนต์และภาษียาสูบ...แล้วก็ไม่รู้วันดีคืนดีจะมาโดนภาษีน้ำมันอีกไหมหากรัฐบาลจะใช้นโยบายตรึงราคาน้ำมัน...!!ถ้าให้แนะนำก็ต้องบอกว่าทุกซอกทุกมุมในสินค้าในพิกัดถ้ามีช่องก็ทำเถอะ..อย่างภาษีบาป อย่างสุรา เบียร์...มีเพดานให้ขึ้นอีกได้ก็ขึ้นไปเลยไม่มีใครว่าหรอกครับ...ภาษีสนามกอล์ฟ..ที่ตอนนี้เก็บเฉพาะค่ากรีนฟี และ ค่าสมาชิก...พวกเขาก็หาช่องเลี่ยง...เช่น คิดค่ากรีนฟีต่ำๆแต่ไปโขกเอากับค่าเช่ารถกอล์ฟ แคดดี้ อาหาร เครื่องดื่ม ฯลฯ ในสนาม...หรือค่าสมาชิกก็เน้นขายแบบตลอดชีพ...กรมสรรพสามิตก็เก็บได้แค่ครั้งเดียว...สรุปว่าเรื่องภาษีจากสนามกอล์ฟ...ลองเปลี่ยนดูใหม่ก็ดีนะ...กว่า 500 สนามทั่วประเทศรายได้ไม่ขี้เหร่นะหากเก็บได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย..nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี