l การผลิตปูนซีเมนต์ถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นวัสดุก่อสร้างหลักในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงโครงการก่อสร้างของภาคเอกชน ทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย จากความต้องการใช้งานปูนซีเมนต์ในประเทศปริมาณมาก ส่งผลให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยเป็นการผลิตและใช้ในประเทศเป็นหลัก เพื่อลดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานที่อาจส่งผลให้กิจกรรมการก่อสร้างในประเทศหยุดชะงัก ซึ่งการผลิตปูนซีเมนต์ของไทยเริ่มต้นตั้งแต่กิจกรรมการจัดหาวัตถุดิบต้นน้ำ จากการทำเหมืองแร่และเหมืองหิน การผลิตและการบดปูนเม็ด (Clinker) เป็นปูนซีเมนต์แบบผง ไปจนถึงกระบวนการบรรจุ และการจัดจำหน่ายไปยังผู้ใช้งานขั้นสุดท้าย
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ของไทยมีลักษณะการประกอบธุรกิจแบบผู้เล่นน้อยราย ซึ่งผู้เล่นรายใหญ่ 3 ราย ได้แก่ บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) มีสัดส่วนกำลังการผลิตสูงสุดรวมกันกว่า 85% ของกำลังการผลิตปูนซีเมนต์รวมทั้งประเทศ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 66 ล้านตันต่อปี (ไม่รวมปูนเม็ด) โดยมีสัดส่วนการใช้งานปูนซีเมนต์ในประเทศอยู่ที่ 75% ส่วนอีก 25% เป็นตลาดส่งออก ทั้งในรูปแบบปูนเม็ด และปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์ ไปยังประเทศคู่ค้าหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่ บังกลาเทศ ออสเตรเลีย เมียนมากัมพูชา และ สปป.ลาว นอกจากนี้ ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ไทยยังมีการลงทุนตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศอีกด้วย
ในปี 2568 ปริมาณการใช้งานปูนซีเมนต์ในประเทศมีแนวโน้มอยู่ที่ 29.4 ล้านตัน (+2.7% YOY) ขณะที่ปริมาณการส่งออกยังคงมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องที่ -7.0%YOY ส่งผลให้การใช้งานปูนซีเมนต์ของไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวได้เล็กน้อยที่ประมาณ +1.0%YOY แม้ว่าปริมาณการใช้งานปูนซีเมนต์ในประเทศตลอดทั้งปี 2567 จะลดลงจากปีก่อนหน้าประมาณ -8.0%YOY แต่คาดว่าปริมาณการใช้งานปูนซีเมนต์จะมีโอกาสฟื้นตัวได้ในปี 2568 โดยมีปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นไปตามภาคการก่อสร้างที่มีแนวโน้มขยายตัว โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างภาครัฐที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปี 2568 จะมีความคืบหน้าในก่อสร้างโครงการ Mega projects ใหม่ๆ อาทิ รถไฟทางคู่ เฟส 2ช่วงขอนแก่น-หนองคาย รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ (ส่วนตะวันตก) รวมถึงยังมีโครงการที่รอเสนอคณะรัฐมนตรี ตลอดจนโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ทั้งพื้นที่ค้าปลีก และอาคารสำนักงานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานปูนซีเมนต์ในประเทศในปี 2568 มีแนวโน้มอยู่ที่ประมาณ 29.4 ล้านตัน (+2.7%YOY)
สำหรับการส่งออกปูนซีเมนต์โดยรวมมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยกดดันด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศคู่ค้าหลัก อาทิ เวียดนาม กัมพูชา ศรีลังกา และบังกลาเทศ ประกอบกับภาวะอุปทานส่วนเกินของปูนซีเมนต์ในกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งเกิดจากการผลิตที่มากเกินความต้องการใช้งาน ส่งผลให้ผู้ผลิตในแต่ละประเทศมีแผนที่จะปรับลดปริมาณการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่แท้จริง และเร่งระบายอุปทานปูนซีเมนต์ส่วนเกินที่มีอยู่ก่อนหน้า ดังนั้น จึงคาดว่าปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ของไทยในปี 2025 ทั้งปูนเม็ด (Clinker) ปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์ และปูนซีเมนต์ผสมประเภทอื่นๆ โดยรวม มีแนวโน้มลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 5.6 ล้านตัน (-7.0%YOY) ทั้งนี้ การส่งออกปูนซีเมนต์ในระยะต่อจากนี้มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงก่อนปี 2020 โดยมีแรงกดดันจากการมีผู้ผลิตหลายรายในประเทศคู่ค้าหลักอยู่แล้ว ประกอบกับผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทยได้เข้าไปลงทุนขยายฐานการผลิตในต่างประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญ และส่งผลให้ความต้องการนำเข้าปูนซีเมนต์จากไทยมีแนวโน้มลดลงในภาพรวม
สำหรับราคาปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์ในประเทศ ณ เดือนกันยายน 2024 อยู่ที่ 1.58 พันบาท/ตัน ปรับตัวลดลง -26.9%YTD เป็นผลมาจากการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการในตลาดที่อยู่ในระดับสูง และความต้องการใช้งานที่ชะลอตัว รวมถึงต้นทุนพลังงานหลักที่ใช้ในการผลิต อย่างราคาถ่านหินลดลง สำหรับราคาปูนซีเมนต์ในปี 2025 จะยังคงมีแนวโน้มลดลงอีกประมาณ -2.9%YOY ส่งผลให้ราคาปูนซีเมนต์โดยเฉลี่ยลดลงแตะระดับ 1.90 พันบาท/ตัน สอดคล้องตามแนวโน้มราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างราคาถ่านหิน และราคาน้ำมันที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทยต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนส่งผลให้มีการผลิตปูนซีเมนต์ที่เป็น Low-carbon product รวมถึงปูนซีเมนต์สำเร็จรูป หรือปูนซีเมนต์มอร์ตาร์ ที่สะดวกต่อการใช้งานเฉพาะ เช่น งานก่อ งานฉาบ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มจากปูนซีเมนต์ทั่วไป ออกมาแข่งขันในตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ในตลาด ขณะเดียวกัน การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการมีความรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการใช้กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า การมุ่งทำการตลาดทั้งในรูปแบบผู้ผลิตถึงกลุ่มลูกค้าธุรกิจ (B2B) เช่น กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และรูปแบบผู้ผลิตถึงผู้บริโภคโดยตรง (B2C) เช่น การเปิดร้านค้าปลีกภายใต้ แบรนด์ของตนเอง การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และในบางรายก็มีการจำหน่ายโดยตรงให้กับโครงการภาครัฐ (B2G) เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลาย และครอบคลุมมากขึ้น
ทั้งนี้ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทยมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้ค่อนข้างดีส่งผลให้ระดับอัตรากำไรยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขผลประกอบการโดยรวมของผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 ที่แม้ว่าจะมีรายได้จากการขายสินค้าที่ลดลง เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ก็ยังมีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง โดยเฉพาะต้นทุนราคาถ่านหินที่ลดลงกว่า 30%YOY และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และพลังงานทางเลือกในกระบวนการผลิต รวมถึงการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการใช้เตาเผาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานมากขึ้น
SCB EIC คาดว่า การใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ที่จะเพิ่มมากขึ้นในระยะข้างหน้า นำมาสู่การผลิตปูนซีเมนต์ที่เป็น Low-carbon product ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ทั้งภาครัฐที่มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green public procurement)โดยได้กำหนดคุณสมบัติสินค้าวัสดุก่อสร้าง 3 ประเภท ในระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ ฉนวนกันความร้อน และเหล็ก ที่จะต้องได้รับมาตรฐานรับรองด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการลดการปล่อย CO2 ตามแรงกดดันของกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น และเทรนด์ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
SCB EIC
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี