ll ภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ราว 38.8 ล้านคน โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวอาเซียน ยุโรป และเอเชียใต้ที่ยังเติบโตได้ดี รวมถึงนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมาไทยคาดว่าจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องโดยแม้จะยังไม่ฟื้นกลับมาในระดับเดียวกับปี 2562 แต่ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทาง TOP 2 ของนักท่องเที่ยวจีน
อย่างไรก็ดี การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังถูกกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อต่อเนื่องไปยังความต้องการท่องเที่ยว, การแข่งขันเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นจากการออกมาตรการฟรีวีซ่าในหลายประเทศ, การฟื้นตัวของเที่ยวบินซึ่งส่งผลต่อจำนวนที่นั่งและราคาตั๋วเครื่องบิน รวมถึงแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูง กับความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน
ส่วนนักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 275.6 ล้านคน ซึ่งเติบโตขึ้นเล็กน้อยราว 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) จากแรงกดดันของเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบางและส่งผลต่อการวางแผนท่องเที่ยวของคนไทย รวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวไทยกำลังซื้อสูงจากมาตรการฟรีวีซ่าในหลายประเทศและแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาประหยัดที่ดึงดูดให้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวในประเทศยังมีปัจจัยหนุนจากการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ซึ่งปัจจุบันเมืองน่าเที่ยวกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น
ทั้งนี้การเติบโตของนักท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องทั้งอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ย โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของประเทศในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตมาอยู่ที่ราว 75% จากนักท่องเที่ยวไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสอดรับกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐที่คาดว่าจะทยอยออกมาตลอดทั้งปี และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาใกล้เคียงปกติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงที่เติบโตแบบก้าวกระโดดจะเดินทางมาไทยมากขึ้นและพำนักในไทยนานขึ้นอย่างนักท่องเที่ยวรัสเซียตามนโยบายขยายระยะเวลาการพำนักในไทยเป็น 90 วัน ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ยคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นราว 5%YOY ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการปรับราคาห้องพักของผู้ประกอบการโรงแรมโดยเฉพาะในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไปหลังมีการปรับปรุงห้องพักและยกระดับการให้บริการตามเทรนด์การท่องเที่ยว รวมถึงจากอุปสงค์ที่ดีขึ้นตามยอดจองที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าท้าย ทั้งจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากอุปทานห้องพักของโรงแรมก่อสร้างใหม่ที่ทยอยเปิดให้บริการต่อเนื่อง และต้นทุนการบริหารจัดการโรงแรม โดยเฉพาะค่าจ้างที่สูงขึ้นจากการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงด้านบริการ โดยยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ยอมจ่ายสูงขึ้นเพื่อได้รับบริการระดับพรีเมียมและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ รวมถึงระยะเวลาการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มยาวนานขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่าของภาครัฐและการโปรโมตการท่องเที่ยวในประเทศ
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมยังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น 1.มาตรการและนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว อย่างเช่นการให้สิทธิชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดและเช่าที่ดิน, การเก็บค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม และการเก็บค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดิน 2.อุปทานห้องพักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรงแรมที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและจำนวนโรงแรมที่ขออนุญาตก่อสร้างใหม่ซึ่งจะทำให้การแข่งขันสูงขึ้นอีกในระยะข้างหน้า และ 3.ประเด็นด้านความยั่งยืนโดยโรงแรมไทยกำลังถูกผลักดันให้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนรับข้อกำหนดใหม่ของ EU ภายในปี 2569
ในขณะเดียวกัน รายได้ของธุรกิจสายการบินสัญชาติไทยในปี 2568 ก็มีแนวโน้มเติบโตและฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19
สำหรับรายได้ในเส้นทางบินระหว่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย โดยเฉพาะจากฝั่งเอเชียอย่างจีน อินเดียและอาเซียนที่มีการขยายเที่ยวบินเพิ่มขึ้น และ2.การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเป็น 10 ล้านคน โดยเฉพาะในประเทศยอดนิยม เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน และเกาหลีใต้ และรายได้ในเส้นทางบินในประเทศคาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อย หลังจากที่ฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 แล้ว แม้ปริมาณเที่ยวบินที่ให้บริการยังต่ำกว่าปี 2562 โดยนักท่องเที่ยวภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 3%YOY เป็น 363 ล้านคนโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางต่อในเส้นทางในประเทศ
ส่วนอัตราค่าโดยสารโดยรวมมีแนวโน้มลดลงจากปี 2567 แต่จะยังอยู่ในระดับสูงกว่าปี 2562 โดยเฉพาะในเส้นทางระหว่างประเทศจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น 1.ความต้องการท่องเที่ยวที่ปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ 2.การเพิ่มขึ้นของปริมาณเครื่องบิน 3.การแข่งขันในธุรกิจสายการบินที่รุนแรงขึ้น 4.ระดับราคาน้ำมันอากาศยานที่ปรับลดลง ซึ่งช่วยให้การปรับราคาทำได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดี นโยบายการตั้งราคาของสายการบินจะช่วยพยุงอัตราค่าโดยสารไว้
อย่างไรก็ดี ธุรกิจสายการบินยังเผชิญกับความท้าทายและประเด็นที่ต้องติดตามในหลายด้านโดย 4 ความท้าทายของธุรกิจสายการบิน ได้แก่ 1.ความต้องการเดินทางทั่วโลกที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ 2.การแข่งขันในธุรกิจการบินที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะในเส้นทางระหว่างประเทศจากทั้งสายการบินสัญชาติไทยและสายการบินต่างชาติ 3.ต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มผันผวนสูงโดยเฉพาะจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และ 4.กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการให้บริการ นอกจากนี้ 3 ประเด็นที่ต้องติดตามในธุรกิจสายการบินคือ 1.การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ซึ่งเป็นเรื่องที่สายการบินทั่วโลกกำลังวางแผนการเพิ่มสัดส่วนการใช้ให้มากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายกำลังการผลิตน้ำมัน SAF ที่ยังต้องเร่งพัฒนา 2.ปัญหาคอขวดด้านการผลิตเครื่องบินจากทั้งการขาดแคลนชิ้นส่วนต่อเนื่องจากช่วงโควิด-19 และด้านเทคนิคเครื่องบิน อีกทั้ง ยอดสั่งจองเครื่องบินใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3.แนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะในกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งจะเป็นอีกประเด็นสำคัญต่อการฟื้นตัวของสายการบินสัญชาติไทย
SCB EIC
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี