nn สภาพของอุตสาหกรรมยาสูบไทยตอนนี้ต้องบอกว่ายังต้องดิ้นรนกันสุดๆ...โดยธรรมชาติ (แบบปกติ) ของตลาดปริมาณการบริโภคบุหรี่จะลดลงอยู่แล้ว 10%ต่อปี...และตลาดยาสูบของไทยปัจจุบันก็ไม่ปกติเสียด้วยสิ...เพราะโดนแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก“บุหรี่เถื่อน” ที่ตอนนี้มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 25%...ซ้ำยังโดนซ้ำเติมจาก“บุหรี่ไฟฟ้า” ที่เข้ามาโดดร่วมวงชิงส่วนแบ่งตลาดด้วย...ตอนนี้ก็เลยทำให้ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ผลิตบุหรี่ได้เพียงปีละหมื่นกว่าล้านมวนเท่านั้น...ทั้งที่เครื่องจักรของโรงงานยาสูบมีศักยภาพการผลิตได้สูงถึงกว่า 3 หมื่นล้านมวนต่อปี....!! แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่า คุณภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งามผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย...จะมองเห็นทางออกของชีวิตการยาสูบฯแล้ว...จึงได้ประกาศรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ 2 สายพันธุ์จากชาวไร่แบบไม่อั้น...คือสายพันธุ์ “เตอร์กิช และ เบอร์เลย์”...ซ้ำชาวไร่รายไหนดูแลการผลิตได้ดีจนทำให้มีปริมาณมากกว่าที่แจ้งยื่นโควตาไว้...ในส่วนเกินนี้การยาสูบฯก็จะรับซื้อในราคาที่เพิ่มขึ้นอีก 10% ด้วย...!! ทางออกที่ท่านผู้ว่าการฯมองเห็นก็คือ เร่งเพิ่มบทบาทของการยาสูบฯในฐานะผู้ค้าใบยาสูบให้มากขึ้น...ซึ่งปีก่อนก็ทำเงินได้ 300-400 ล้านบาท...แล้วด้วยภาวะตลาดใบยาสูบโลกที่เจอกันผลกระทบด้านสภาพแวดล้อมที่แย่ลงทำให้ปริมาณผลผลิตโลกลดลงทำให้ความต้องการในตลาดจึงเพิ่มสูงขึ้น...ซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ก็จะกินเวลาต่อเนื่องไปอีกถึง 3-4 ปี ...นอกจากนี้คุณภูมิจิตต์..ยังเร่งพัฒนาคุณภาพบุหรี่ของ ยสท.ให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศมากขึ้น...เช่น มีการลงนามใน MOU กับการยาสูบของจีน...ผลิตบุหรี่แบรนด์ “Thai Touch” ซึ่งมีรสชาติที่ตรงใจกับลูกค้าชาวจีน...ที่ชอบบุหรี่ที่นิโคตินต่ำๆ แต่มีความหอมและรสชาติหวานๆ หน่อย..ตามลักษณะของใบยาสูบสายพันธุ์“เวอร์จิเนีย”...ไม่เพียงเท่านั้นตอนนี้ฝ่ายวิจัยของ ยสท. ก็ได้รับมอบนโยบายจากผู้ว่าการฯว่าให้ลองคิดผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่มาจากใบยาสูบที่ไม่ใช่บุหรี่...ซึ่งตอนนี้ก็มีออกมาแล้วทั้งน้ำหอม...ครีมล้างมือ...อโรม่า...ซึ่งที่กำลังจะตามออกมาอีกก็คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอาง...!! แต่ก็อย่างที่บอกครับว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของช่องทางหารายได้ใหม่ๆ ของ ยสท...ซึ่งจริงๆ แล้ว ยสท.ก็ยังมีช่องทางอื่นๆ อีกที่จะหารายได้ได้มากกว่านี้เช่น...เปิดโอกาสให้โรงงานยาสูบสามารถรับจ้างผลิตบุหรี่ได้มากกว่านี้จากเดิมที่กำหนดว่ารับจ้างผลิตได้เฉพาะที่ส่งออกเท่านั้น...หากแก้กฎหมายว่าให้ ยสท.สามารถรับจ้างผลิตได้แม้จะขายในประเทศ...ลูกค้าวิ่งเข้ามาอีกบานเลย...กำลังการผลิตที่เหลือกว่า 1.5 หมื่นล้านมวนต่อปี...ก็จะกลับมาสร้างรายได้ให้ยสท.มากมายมหาศาล...ที่สำคัญคนที่จะได้ประโยชน์ตามมาคือ..เกษตรกรชาวยาสูบ...เพราะความต้องการใบยาสูบในประเทศก็จะเพิ่มแน่นอน...ถึงตรงนี้มองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไม...คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง...ในฐานะกำกับการยาสูบฯ...จึงจะไม่ควรช่วยผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายการยาสูบฯ...เพราะสุดท้ายแล้วชาวไร่ยาสูบก็คือผู้ได้ประโยชน์...ซึ่งชาวไร่ยาสูบทั้งประเทศก็คือฐานเสียงสำคัญของ“พรรคเพื่อไทย”ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี