nn จริงๆ นะ...แวดวงการเงิน...ไม่แปลกใจเลยที่ “เสี่ยหนิง” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง...ออกมาพูดในทำนองว่าไม่ได้สนใจกับตัวเลขประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ “สภาพัฒน์” ที่ระบุไว้ที่2.3-3.3%...ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขของกระทรวงการคลังและตัวเลขของรัฐบาลที่ฝันถึง 3-3.5%...!! โดยยกเหตุผลมาโต้แย้ง...ประมาณว่า “ย้อนกลับไปช่วง 10 ปีการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยก็เฉลี่ยที่ 2% ปลายๆ ทุกปี แต่การเติบโตจริงไม่ถึง 2% เฉลี่ยที่ 1.9%และปีที่ผ่านมาของการทำงานของรัฐบาลปัจจุบันตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเกินกว่าเป้าหมายในระดับหนึ่ง”...แหมๆๆ ท่านรมช.คลังครับ...ปีก่อนปลายปีรัฐบาลท่านอัดเม็ดเงินเข้าระบบไปเท่าไหร่ล่ะครับ...แต่ท่านคงไม่ได้ดูไส้ในของจีดีพีเลยใช่ไหมว่ามันสะท้อนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนและมีศักยภาพหรือเปล่า....การบริโภคที่มันโตก็เพราะเม็ดเงิน “เฮลิคอปเตอร์” ซึ่งก็ต้องตามไปใช้หนี้ในอนาคต...การส่งออกที่เพิ่มขึ้นเกินเป้าหมายก็ไม่ได้มาด้วยฝีมือของรัฐบาลที่ไปเจรจาค้าขาย...แต่มันโตเพราะคู่ค้าเร่งสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนที่จะโดนภาษีของ “ทรัมป์ 2.0”...ซ้ำร้ายสินค้าที่ส่งออกไปก็เป็น สินค้าที่นำเข้ามาจากจีนแล้วก็ส่งออกไปอีกที...ไม่ได้ผลิตที่ประเทศไทยด้วยซ้ำ....ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะตัวเลข...ดัชนีการผลิตของภาคอุตสาหกรรม (PMI)ยังไม่ฟื้นตัวตามตัวเลขส่งออก...ตัวเลขการลงทุนของภาคเอกชนก็ยังติดลบ...!! ส่วนปีนี้ที่รัฐบาล “มั่นหน้า” มากๆ...จะใช้ฝีมือทำให้เศรษฐกิจโตได้เกิน 3%...แวดวงการเงิน...และประชาชน...นักธุรกิจ...เขาก็รอชมฝีมืออยู่นะ...แล้วก็อยากจะเห็นวิธีคิดอะไรที่มันชาญฉลาด...นอกเหนือจากการ“แจกเงิน” ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของ “พรรคเพื่อไทย” เคยบอกว่ามันเป็นเรื่อง “สิ้นคิดและปัญญาอ่อน” (แต่กลับมาทำเองไม่แผ่ว)...อ้อ...อีกเรื่องนะ...ประชุมคณะรัฐมนตรี...ครั้งหน้าแอบกระซิบ...หัวหน้ารัฐบาลของท่าน (คุณแพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี)...ด้วยว่าอย่าออกมากดดันแบงก์ชาติและแบงก์พาณิชย์ให้ลดดอกเบี้ย...ยิ่งพูดก็ยิ่งโชว์ “ง”...เพราะตรรกะและเหตุผลที่ยกมามันเฉลยภูมิปัญญาด้านเศรษฐศาสตร์ของนายกฯ ว่ามันมีหรือไม่มี (อายชาวบ้านเขา)...ไม่ต้องไปเทียบกับผู้ว่าฯแบงก์ชาติหรือ...แค่นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ปี 3-ปี 4...ก็คนละชั้นแล้ว...nn

อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ