nn ในที่สุดคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ...ก็กัดฟันหว่านเม็ดเงินออกมาอีก 3 หมื่นล้านบาท...แจกเงินคนไทย (ในรูปดิจิทัลวอลเล็ต) อายุ 16-20 ปี(ประมาณ3ล้านคน)...เหตุผลในการแจกรอบนี้ก็ประมาณว่าจะเป็นการทดลองระบบว่าใช้งานได้ดีไหมหลังจากมอบให้…สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA)..ไปพัฒนาระบบมาแล้วระยะหนึ่ง...แต่รอบนี้คงไม่กล้าบอกอย่างเต็มปากเต็มคำว่า“เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ”...เพราะเม็ดเงินรอบน้อยนี้ น้อยเกินไปที่จะหวังผลในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ...ขนาดว่ารอบแรกที่ แจกไป 1.4 แสนล้านบาท (ให้กลุ่มเปราะบาง) และ รอบ 2 ที่จากให้ผู้สูงอายุ(4 ล้านราย) ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท.....ก็ไม่ได้เห็นผลทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลตั้งใจ...ภาษาชาวบ้านคือใช้เงินก้อนมหาศาลแต่ผลได้รับไม่คุ้มค่า...เปรียบเทียบในเชิงธุรกิจถือว่าขาดทุนด้วยซ้ำ(เพราะใช้เงินประมาร 0.8% ต่อจีดีพี...แต่ทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นมาแค่ 0.3%)....!! ส่วนจะแจกอีกรอบที่ 4 หรือรอบต่อๆ ไป...คงต้องลุ้นเหนื่อยหน่อยคนไทย...เพราะพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ซึ่งถือว่าเป็นแม่ทัพใหญ่ด้านเศรษฐกิจ)..ก็บอกเองว่า“จะมีแจกเฟส 4 หรือไม่ต้องดูความเหมาะสม”....ซึ่งก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะท่านเป็นนักบัญชี...เห็นตัวเลขรายได้ของรัฐกับรายจ่ายที่รอจ่อคิวอยู่...ก็จะ “มึนตึ้บ” ไปเหมือนกัน...นี่ถ้าท่านนั่งในตำแหน่งผู้บริหารบริษัทเอกชนเห็นตัวเลขในบัญชีแบบนี้...คงจะลงนาม“ปลดพนักงาน”เพื่อลดรายจ่ายไปแล้ว....!! มาถึงตรงนี้ก็ให้นึกถึง...บทวิเคราะห์ของ...KKP Research…ชิ้นหนึ่งที่อธิบายถึงสถานการณ์หนี้สาธารณะของประเทศไทย...ประเด็นสำคัญของบทวิเคราะห์ชิ้นนี้โดยสรุปก็คือ “ข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าในอดีตที่ผ่านรัฐบาลมักจะประเมินหนี้สาธารณะต่อ GDP ในแต่ละปีต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่ง KKP Research ชี้ว่าหนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทย อาจจะทะลุเพดาน 70% ภายใน 2 ปีข้างหน้า และถ้ามองออกไปในระยะข้างหน้าอีก 10 กว่าปีหลังจากนั้น หรือในปี 2040 หนี้สาธารณะไทยอาจจะแตะถึงระดับ 80-90% ของ GDP ในที่สุด..ประเด็นที่น่ากังวล คือ สถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่แท้จริงในปี 2567 เติบโตเพียง 2.5% หากรวมอัตราเงินเฟ้อด้วยจะเติบโตได้เพียง 2.9% เท่านั้น ในขณะที่ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 ยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 1.5% และการใช้จ่ายของรัฐบาลมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 2.9 แสนล้านบาท หรือ 31% ส่งผลให้รัฐบาลต้องกู้ขาดดุลงบประมาณไปแล้วมากกว่า 4.1 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 47.7% ของวงเงินกู้ชดเชยการขาดดุลที่ตั้งเอาไว้ในปีงบประมาณนี้”....ลองไปหาฉบับเต็มอ่านดูนะครับ...จะได้มีข้อมูลที่ครบถ้วนกว่านี้...!! จะวางแผนชีวิตวางแผนธุรกิจได้สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศเรา...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี