nn ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในไทยมีผู้เล่นที่หลากหลาย ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ซึ่งมีความสามารถในการรับเหมาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และมีความซับซ้อนรวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างรายกลางและเล็ก ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้รับเหมาช่วงจากผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ และมีความสามารถในการรับเหมาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นโครงการขนาดกลางและเล็ก และไม่มีความซับซ้อนมากนัก โดยผู้รับเหมาก่อสร้างในตลาด SET จำแนกได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มที่รับงานก่อสร้างโครงการภาครัฐเป็นหลัก เช่น โครงสร้างพื้นฐาน 2.กลุ่มที่รับงานก่อสร้างโครงการภาคเอกชนเป็นหลัก เช่น อาคาร ที่อยู่อาศัย โรงงาน3.กลุ่มที่รับงานก่อสร้างอื่นๆ เช่น งานฐานราก งานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานโครงสร้างงานตกแต่ง งานวางระบบท่อ ระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารและ 4. กลุ่มที่รับงานที่ปรึกษา บริหาร และควบคุมงานก่อสร้าง สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างในตลาด mai ส่วนใหญ่จะรับงานเฉพาะด้าน ได้แก่ ออกแบบ และวางระบบต่างๆ เช่น วิศวกรรม ไฟฟ้า สื่อสาร สุขาภิบาล การป้องกันอัคคีภัย ไปจนถึงรับงานตกแต่งภายใน และภูมิสถาปัตย์
มูลค่าภาคก่อสร้างในไทยโดยรวมอยู่ที่ราวปีละ 1.4 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ สัดส่วนกว่า 57% เป็นการก่อสร้างภาครัฐ และอีก 43% เป็นการก่อสร้างภาคเอกชน โดยผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาด SET เฉพาะกลุ่มที่รับงานก่อสร้างโครงการภาครัฐ และภาคเอกชนเป็นหลักจำนวน 19 ราย มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของมูลค่าภาคก่อสร้างโดยรวม ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดอีกราว 85% กระจายไปยังผู้รับเหมาก่อสร้างรายกลางและเล็ก
มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 3% จากปัจจัยหนุน ทั้งงบประมาณเพิ่มขึ้นการเบิกจ่ายดำเนินการได้ต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจกท์ใหม่ๆ หน่วยงานหลักที่ลงทุนภาคก่อสร้าง ได้แก่ กรมทางหลวงกรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รับงบประมาณภายใต้งบประมาณประจำปี 2568 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงบประมาณประจำปี 2567 นอกจากนี้ หน่วยงานต่างๆ มีแผนเตรียมเสนอเปิดประมูลโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในปี 2568 โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกท์ด้านการคมนาคม เช่น รถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 6 ช่วง มอเตอร์เวย์ ทางด่วน รถไฟชานเมือง ส่วนต่อขยายสนามบิน อีกทั้ง ยังมีโครงการที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3,ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ, รถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ (ส่วนตะวันตก), รถไฟทางคู่สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-
มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 1% มาอยู่ที่ 586,000 ล้านบาทซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับต่ำที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 2562-2567 โดยการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยเผชิญแรงกดดันจากการฟื้นตัวช้าของตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงยังต้องจับตาภาวะ Oversupply ของอุปทานพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ซึ่งยังมีความเสี่ยงด้านการชะลอแผนการเปิดโครงการใหม่ออกไป ส่วนของการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในปี 2568 ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขยายโครงการพื้นที่ค้าปลีก และโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในทำเลใจกลางเมือง ย่านธุรกิจ และย่านท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่สำนักงานให้เช่าเกรด A และเกรด A+
จากแนวโน้มการขยายตัวของภาคก่อสร้างโดยรวม ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยต่อปีในอดีต ท่ามกลางความเสี่ยง
ด้านความล่าช้าในการเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจกท์ ใหม่ๆ และการฟื้นตัวช้าของตลาดที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ตลาดรับเหมาก่อสร้างมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ประกอบกับการเข้ามาแข่งขันประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของผู้รับเหมาก่อสร้างชาวจีนยังเป็นความท้าทายสำคัญให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังนำมาสู่การใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างจากจีนมากขึ้นโดยเฉพาะเหล็ก และอะลูมิเนียม ส่งผลกระทบต่อเนื่องตลอด Supply chain ของภาคก่อสร้างไทยและคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในระยะข้างหน้า
ผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มที่มีศักยภาพในการแข่งขัน เป็นกลุ่มที่มีความร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งสามารถเข้าประมูลงานได้อย่างหลากหลาย และปรับกลยุทธ์รับเทรนด์การก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีความสามารถในการแข่งขันเข้าประมูลงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในการก่อสร้างสูงรวมถึงมีศักยภาพในดำเนินโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP มีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์องค์กรให้สามารถปรับการรับงานโครงการก่อสร้างภาครัฐและเอกชน ได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างรายกลางและเล็กกลุ่มที่มีศักยภาพในการแข่งขัน จะเป็นกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างที่สามารถดำเนินโครงการก่อสร้าง และส่งมอบงานให้แล้วเสร็จตามแผน ซึ่งนอกจากจะสามารถเบิกจ่ายค่างวดงานได้ตามกำหนด สามารถรักษารายได้และสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจได้แล้ว ยังจะรักษาความสามารถในการเป็นผู้รับเหมาช่วงจากผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง จากการที่ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่มีทางเลือกในการว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างรายกลางและเล็กได้อย่างหลากหลายอีกด้วย
ทั้งนี้แม้ราคาวัสดุก่อสร้างสำคัญ เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ จะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2568 จากปัจจัยทางด้านต้นทุนวัตถุดิบในการผลิต เช่น สินแร่เหล็ก ยิปซัม หินปูน ลดต่ำลง แต่ราคาวัสดุก่อสร้างอาจเผชิญความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาพลังงาน อัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับยังต้องจับตาผลของนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของภาครัฐ ประกอบกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง ทั้งระหว่างผู้รับเหมาก่อสร้างไทยเอง และการเข้ามาแข่งขันมากขึ้นของผู้รับเหมาก่อสร้างชาวจีน อาจก่อให้เกิดสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาตามมาซึ่งยังเป็นแรงกดดันให้อัตรากำไรของผู้รับเหมาก่อสร้างยังอยู่ในระดับต่ำ และฟื้นตัวได้ช้า
ส่วนผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มที่มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงสูง จะเป็นกลุ่มที่มุ่งเน้นการใช้กลยุทธ์การเข้าประมูลงานโครงการก่อสร้างแบบแข่งขันด้านราคา ที่อาจเผชิญภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการก่อสร้าง ขณะที่ผู้รับเหมาก่อสร้างกลุ่มที่มีความสามารถในการควบคุมต้นทุน ด้วยการบริหารจัดการทำสัญญาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าได้อย่างสอดคล้องกับความต้องการใช้ และมีการนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้ทดแทนแรงงานได้จะเป็นกลุ่มที่ยังสามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี