บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัทบางกอก เช่น ฮอสปิทอล หรือ BCH หลังจากที่บริษัทประกาศผลประกอบการ 4Q67 ออกมาเรามั่นใจว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ได้แก่ i) รัฐบาลคูเวตไม่ส่งผู้ป่วยมาใช้บริการ ii) ผลกระทบจากการที่สำนักงานประกันสังคม (SSO) ลดค่าบริการรักษาโรคที่ซับซ้อน (RW>2) และ iii) ปัจจัยฤดูกาล
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจของ BCH มีดังนี้
i) ประเด็นการรักษาที่มีต้นทุนสูง (RW>2) เราคิดว่าความเสี่ยงจากการที่ SSO อาจลดอัตราการจ่ายค่า RW>2 จบไปแล้ว เพราะคณะกรรมการด้านการแพทย์ของ SSO มีมติให้การันตีอัตราการจ่ายที่ 12,000 บาท ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ผลกระทบจากการลดอัตรา RW>2 ลง (จาก 12,000/RW เหลือ 8,000 บาท) กระทบกับรายได้จากกลุ่ม SSO ถึง 245 ล้านบาท แต่หากตัดรายการนี้ออกไป รายได้จาก SSO จะเพิ่มขึ้น 7.1% YoY จากที่เพิ่ม 1% YoY ในปี 2567แนวโน้มปี 2568F รายได้จาก SSO ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากประเด็น RW>2 อีก และคาดว่าจะคิดเป็น 33% ของรายได้รวม
ii) ประเด็นคูเวตหลังจากที่ขอรายการราคาค่ารักษาจาก WMC มาหลายเดือนรัฐบาลคูเวตยังไม่ส่งผู้ป่วยชาวคูเวตกลับมาใช้บริการของ WMC ยกเว้นผู้ป่วยที่ชำระค่ารักษาเอง ประเด็นนี้น่าจะชัดเจนมากขึ้นว่า จะกลับมาหรือไม่หลังเทศกาลรอมฎอน เรามองว่าหากกลับมาจะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี upside เพราะเราไม่ได้คาดว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้
iii) ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่เปิดใหม่ดีขึ้น BCH เปิดโรงพยาบาลใหม่สามแห่ง (เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญประเทศ, เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์) ตั้งแต่ช่วงปี 2563-2564 คาดว่าทั้งสามแห่งน่าจะถึงจุดคุ้มทุน หรือเริ่มทำกำไรได้ในปี 2568 เพราะมีเพียงเกษมราษฎร์ปราจีนบุรีที่มีผลขาดทุนในระดับ EBITDA 29.3 ล้านบาทในปี 2567
เรามองบวกกับแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในอีกสองสามปีข้างหน้า โดยจะได้แรงหนุนจาก i) รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งผู้ป่วยที่ชำระเงินสดและผู้ป่วยประกันสังคม และ ii) ผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของโรงพยาบาลใหม่สามแห่ง นอกจากนี้ เรายังไม่คิดว่าจะมีปัจจัยลบ (การจ่ายค่า RW>2) มากระทบกับประมาณการของเรา จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568F เอาไว้ที่ 1.58 พันล้านบาท (+23.2% YoY) และปี 2569F ที่ 1.89 พันล้านบาท (+19.5% YoY)
ถึงแม้ว่าราคาหุ้น BCH จะเพิ่มขึ้น 16% เรายังคงมองบวกกับประเด็นการพลิกฟื้นของบริษัทในปี 2568F ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2568 ที่ 21.50 บาท นอกจากนี้ เรายังเลือก BCH เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้
ปัจจัยเสี่ยงจากการชำระเงินของ SSO, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่ และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี