ll ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)...ระบุว่าธุรกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะจากนโยบาย Reciprocal Tariffs และ Specific Tariffs ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะกระทบกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ปิโตรเคมี นอกจากนี้ ยังต้องจับตาผลกระทบทางอ้อมผ่านคู่ค้าสำคัญ (เช่น จีน) ในอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ในสัดส่วนสูง รวมถึงผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ นอกจากนี้ ปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้ามาไทยอาจรุนแรงมากขึ้น รวมถึงสินค้าจากสหรัฐฯ ที่ไทยอาจต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นหลังการเจรจาการค้า ซึ่งคาดว่าอาจเป็นความเสี่ยงที่ซ้ำเติมให้การผลิตในบางอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องอย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาผลกระทบเชิงบวกในบางธุรกิจที่ไทยอาจเข้าไปเจาะตลาดสหรัฐฯ แทนจีนหรือเม็กซิโกได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ SCB EIC มองว่าผู้ประกอบการไทยสามารถใช้กลยุทธ์ 4P ในการปรับตัวเพื่อรับมือกับแรงกดดันจากนโยบายของ Trump 2.0 และจากปัญหาโครงสร้างการผลิตที่ยังอ่อนแอ ประกอบด้วย1) Product : พัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์/แตกต่างและเพิ่มมูลค่า 2) Place : กระจายตลาด 3) Preparedness : บริหารความเสี่ยงทุกมิติ ทั้งห่วงโซ่อุปทานและงบการเงิน4) Productivity : เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ขณะที่ วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เด่นชัดขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของทรัมป์ ในเดือนกุมภาพันธ์ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 3% สู่ระดับ 2.8% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงจาก 3.3% สู่ระดับ 3.1% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมีนาคมปรับลดลงแรงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ที่ 57.9 ผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรและการขับไล่กลุ่มผู้อพยพผิดกฎหมายเพิ่มความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย สะท้อนจากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงกว่า 8% ในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกับสัญญาณเชิงลบจากดัชนีบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ PMI ภาคบริการ อัตราการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้าง ทั้งนี้ ภายใต้แรงกดดันจากสงครามการค้า ภาวะการเงินที่ตึงตัว รวมถึงตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง วิจัยกรุงศรีคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงตั้งแต่ช่วงกลางปีอีก 0.75% สู่ระดับ 3.50-3.75% ณ สิ้นปี แม้ความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีศุลกากรและความกังวลเงินเฟ้ออาจส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ก็ตาม
ส่วนเศรษฐกิจจีนยังเปราะบาง ขณะที่สงครามการค้าเริ่มกระทบภาคการส่งออก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปพลิกกลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปีจาก 0.5% YoY ในเดือนมกราคมเป็น -0.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ลดลงจาก 0.6% เป็น -0.1% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ -2.2% ขณะเดียวกันการส่งออกในช่วง
มกราคมถึงกุมภาพันธ์ขยายตัวเพียง 2.3% YoY เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งขยายตัว 6-13%
สำหรับเศรษฐกิจไทย การบริโภคภาคเอกชนในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อยยังไม่ฟื้นตัว โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ปรับลดลง ขณะที่รัฐบาลเห็นชอบโครงการแจกดิจิทัล วอลเล็ต กลุ่มอายุ 16-20 ปี วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ที่ 57.8 จาก 59.0 ในเดือนมกราคม เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับ 1.เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า 2.ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ และ 3.สงครามทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นซึ่งนับเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย
รัฐบาลเตรียมผลักดันหลายโครงการเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ตามเป้า การประชุมคณะกรรมการ นโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้มีการหารือถึงแผนในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ (3-3.5%) ซึ่งจำแนกออกเป็น 4 ด้าน จำนวน 12 โครงการ และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจข้างต้น
สำหรับบางโครงการมีความชัดเจนบ้างแล้วเช่น ดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 ส่วนโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการท่องเที่ยวคาดว่าจะทยอยมีรายละเอียดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้านการลงทุนภาครัฐคาดว่าต้องอาศัยเวลากว่าจะเห็นผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ส่วนโครงการด้านการลงทุนภาคเอกชนและด้านการส่งออกสินค้ายังมีความไม่ชัดเจนท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้างและความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรง
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี