nn ต้องเห็นใจว่าตอนนี้...กรมสรรพสามิต...หัวหมุนกับการปราบปรามที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักทีไม่ว่าจะบุหรี่เถื่อน หรือเหล้าเถื่อน แค่ 5 เดือนแรกของปีงบ’68 ยอดจับกุมก็พุ่งสูงถึง 1.4 หมื่นคดี สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 15.54% คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง...เลยร้อนใจไม่ไหว ออกนโยบาย “Zero Tolerance” ...แปล ให้เข้าใจง่ายๆ คือ “จะไม่ทนกับของเถื่อน”...โดยเฉพาะสุราและบุหรี่...ตรงนี้..แวดวงการเงิน...มองว่าคิดดีแต่ทำถึงหรือไม่ต้องรอดู...แต่เบื้องต้นก็ต้องชื่นชมคุณเผ่าภูมิ...ที่อย่างน้อยก็ออกมาขับเคลื่อนนโยบายเรื่อง “ของเถื่อน”...ซึ่งก็คงจะไม่ปล่อยให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้ปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาทจากบุหรี่เถื่อน...ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นฝากคุณเผ่าภูมิจับตาบุหรี่ยี่ห้อ ก. ซองสีแดง เขียนว่า “เพื่อส่งออกเท่านั้น” ที่วนกลับมาขายในไทยอยู่เรื่อยๆ...แน่นอนว่าที่บุหรี่เถื่อนระบาดส่วนหนึ่งก็มาจากสาเหตุที่อัตราภาษีสูง ทำให้คนหันไปหาของเถื่อน ของถูก จนรัฐเสียรายได้ภาษีมหาศาล แต่ที่คุณเผ่าภูมิบอกว่า การปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่นั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณาอัตราภาษีที่มีความเหมาะสมกับประเทศไทย เพื่อทำให้บุหรี่เถื่อนลดลง...โดยเอาข้อเสนอของ กมธ.การเงินการคลังฯ สภาผู้แทนฯ ชุดก่อน ที่เสนอให้มีอัตราภาษี 2-3 เทียร์!! อันนี้แวดวงฯ ว่าน่าจะมาผิดทาง เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนให้มีบุหรี่ราคาถูกลงด้วยการลดภาษีบุหรี่ แวดวงฯจึงขอเตือนไว้ก่อนว่าระวังจะถอยหลังเข้าคลอง และเจอปัญหาซ้ำซ้อนบุหรี่เถื่อนก็แก้ไม่ได้ รายได้ก็จะยิ่งตกต่ำลงไป แถมสวนทางกับนโยบายสุขภาพทำให้คนสูบบุหรี่มากขึ้น เฮ้อ! แก้โครงสร้างภาษีไม่ยากแต่ดันไปเอาเรื่องบุหรี่เถื่อนมาพ่วงทั้งที่เป็นคนละเรื่องเลยกลายเป็นวัวพันหลักแบบนี้...!!ที่ต้องบ่นแรงๆ กับหลักคิดนี้...เพราะถ้าคุณเผ่าภูมิ คิดแบบนี้ก็ไม่ไว้หน้ากรมสรรพสามิตกันเลย บทเรียนตลอด 7 ปี ไม่สอนหรือว่า โครงสร้างภาษีบุหรี่ยิ่งซับซ้อนหลายอัตรา บุหรี่จะยิ่งกระจุกตัวแข่งขันกันในกลุ่มบุหรี่ราคาถูกที่เสียภาษีในอัตราที่น้อยที่สุด และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตน้อยลงเรื่อยๆ...นอกจากนี้ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าบุหรี่เถื่อนจะหายไปจริงๆ เพราะนอกจากปัจจัยด้านราคาแล้ว วิธีการซื้อขายที่สะดวกกว่า เช่น ช่องทางออนไลน์ ยังเป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน...หากยังดึงดันจะมีการลดภาษีบุหรี่โดยใช้โครงสร้างภาษีใหม่แบบหลายอัตรามากขึ้น ดังเช่นที่มีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจไปเสนอในรายงานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังฯ ของสภาฯ ชุดก่อนหน้านี้...คงต้องเตรียมรับมือพาดหัวข่าว “สรรพสามิตล้มเหลว เก็บรายได้ไม่เข้าเป้า จากนโยบายภาษีที่ผิดพลาด” ได้เลย...!! ดูจากเงินเฟ้อทั่วไปไทย เดือนก.พ. 68 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่สูงขึ้นร้อยละ 1.0 ต่อปี แม้ว่าปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ก.พ. 68 ขยายตัว ต่อเนื่องร้อยละ 2.4 ต่อปี แต่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ในเดือนก.พ. 68 หดตัวที่ร้อยละ -11.5 ต่อปี และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (Van และ Pick up) หดตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ -7.5 ...นี่คงพอบอกได้ว่าภาวะเศรษฐกิจและรายได้ภาษีสรรพสามิตจากรถยนต์จะเป็นอย่างไร...ภาษีรถยนต์กับภาษียาสูบเป็น 2 ใน 5 ของภาษีที่ทำรายได้สูงสุดให้กรมสรรพสามิต ถ้ายังคิดจะลดภาษีไปสู้บุหรี่เถื่อน อาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะคนที่ได้คงเป็นผู้ประกอบการที่จะขายของได้มากขึ้นโดยเฉพาะบุหรี่นอก แต่ผลเสียทั้งด้านรายได้ ด้านสุขภาพนั้น ไม่อาจทดแทนได้ ก็ต้องฝาก ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต...ช่วยกระซิบบอกท่าน รมช.เผ่าภูมิ... do the right thing... จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง...nn
อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี