บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มแบงก์โดยสินเชื่อยังคงอ่อนแอในเดือนกุมภาพันธ์ และ YTDเนื่องจากสินเชื่อของ KTB และ KBANK หดตัวลงแรง สินเชื่อรวมทั้งกลุ่มหดตัว 0.2% MoM และ 1% YTD เมื่อแยกเป็นรายธนาคาร พบว่า KTB หดตัวในอัตราเร่งมากขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยหดตัวลง 2% ทั้ง MoM และ YTD ส่วน KBANK ลดลง 0.5% MoM และ 2.4% YTD แต่หากตัด KTB และ KBANKออก สินเชื่อจากหลายๆ ธนาคารจะขยายตัวเล็กน้อย เช่น BBL SCB TTB TISCO และ KKP สินเชื่อธุรกิจเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของสินเชื่อในหลายๆ ธนาคาร ขณะที่สินเชื่อ H/P และ สินเชื่อจำนำทะเบียนยังเป็นหมวดไม่โตเพราะหนี้เสียยังสูง

ท่ามกลางการดำเนินกลยุทธ์ขยายสินเชื่อแบบเลือกกลุ่มลูกค้า เราพบว่าบางธนาคารปล่อยกู้ในตลาดเงินซึ่ง yield และ ความเสี่ยงต่ำมากขึ้นใน KBANK และ KTB ธนาคารอื่นๆ มีการลดสถานะของการปล่อยสินเชื่อตลาดเงิน หากตัด KTB และ KBANK ออกไป ธนาคารอื่นๆ พากันลดสถานะปล่อยกู้ในตลาดเงินลง โดยสถานะในภาพรวมลดลง 0.6% MoM แต่เพิ่มขึ้น 4.7% YTD

ในภาวะที่ธนาคารต่างๆ ขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ธนาคารทุกแห่งเพิ่มสถานะลงทุนในตราสารหนี้ โดยภาพรวมเพิ่มขึ้น 2.7% MoM และ 2.1% YTD น่าจะสะท้อนถึงความคาดหมายว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะลดลงตามภาวะดอกเบี้ยที่ลดลง เมื่อพิจารณาเป็นรายธนาคาร พบว่า KBANK เพิ่มสถานะลงทุนมากที่สุด เพิ่มขึ้น 4.7% MoM และ 5.1% YTD รองลงมาคือ KTB ที่เพิ่มขึ้น 3.4% MoM แต่ลดลง 4% YTD ขณะที่ TISCO เพิ่มสถานะลงทุนมากที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก

จากการเคลื่อนไหวของงบดุลธนาคารในรอบ 2 เดือนพบว่า KBANK ตั้งใจปรับโครงสร้างสินทรัพย์โดยเพิ่มสัดส่วนการปล่อยกู้แบบที่มีความเสี่ยงต่ำในตลาดเงินเพื่อลดค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) ลงตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ และ เพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อทำกำไรจากการซื้อขายซึ่งจะช่วยชดเชย NIM ที่ลดลงใน 1Q68F ขณะเดียวกัน KTB และ ธนาคารอื่นๆ ก็คาดว่าจะได้กำไรจากการซื้อขายตราสารหนี้ในภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงอย่างมาก เรามองว่าการเคลื่อนไหวของงบดุลน่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงกลยุทธ์การปล่อยกู้แบบระมัดระวังเพื่อลด credit cost จะช่วยชดเชย NIM ที่ลดลง เรายังคงเลือก KTB KBANK TTB และ SCB เป็นหุ้นสำหรับลงทุนเพื่อรับปันผล

ปัจจัยเสี่ยง NPL เพิ่มขึ้น และ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, NIM ลดลง

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)