บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP ดัชนีราคารถมือสองที่เพิ่มติดต่อกันสามเดือนบ่งชี้ว่า KKP น่าจะบริหารจัดการผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมา (LOS) ของสินเชื่อ H/P ได้ดีขึ้น เพราะสินเชื่อรถมือสองคิดเป็นประมาณ 60% ของพอร์ตสินเชื่อ H/P ทั้งหมดของ KKP สถานการณ์ราคารถมือสองที่ดีขึ้นน่าจะช่วยให้ LOS ของธนาคารลดลงผลประกอบการ KKP ผันผวนตลอดปี 2567 เพราะ LOS ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost, รวม LOS) เพิ่มเป็น 2.3%ในปี 2567 ดังนั้น การที่ราคารถมือสองดีขึ้นน่าจะทำให้ลด credit cost ลงได้ในปี 2568F สอดคล้องกับประมาณการของเราที่คาดว่า credit cost ปีนี้จะลดลงเหลือ 2%

เนื่องจากจะมีเงินฝากที่ต้นทุนสูงก้อนใหญ่ครบอายุใน 1Q68 เราคิดว่าการลดดอกเบี้ยผิดคาดในเดือนที่แล้วจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของธนาคารต่ำกว่าเป้าเดิม ณ จุดนี้ เราได้ปรับลดสมมุติฐานต้นทุนการระดมเงินลง 10bps จะทำให้มาร์จิ้นดีขึ้น

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนมีผลการดำเนินงานดี โดยในปี 2567 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (wealth management) ได้เม็ดเงินใหม่จากลูกค้าเพิ่มขึ้น > 1 แสนล้านบาท ทำให้รายได้จากธุรกิจ wealth management โตประมาณ 14% ในปี 2567เกินพอที่จะชดเชยรายได้จากธุรกิจ IB ที่ลดลง และ รายได้จากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่ทรงตัว เราใช้สมมุติฐานอัตราการเติบโตของรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนที่
0/+10% ในปี 2568F/2569F กำไรสุทธิจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนคิดเป็นประมาณ 25% ของกำไรสุทธิรวมของ KKP ในปี 2567

เราปรับประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนถึงประมาณการ NIM ที่เพิ่มขึ้นปีละ 15bps ในปี 2568F และ 2569F คาดกำไรสุทธิ 1Q68F จะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (+7% QoQ แต่ทรงตัว YoY)

ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2568 ใหม่ที่ 61.0 บาท จากเดิม 57.50 บาท เรายังคงคำแนะนำถือ โดยประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2568F ของเราที่ 14% อิงจากสมมุติฐาน

NIM ที่เพิ่มขึ้น 15bps และค่าใช้จ่ายสำรองฯ ที่ลดลง 30bps (ขณะที่คาดว่าสินเชื่อจะทรงตัว)

ปัจจัยเสี่ยงมีผลขาดทุนหนักขึ้นจากการขายรถที่ยึดมา, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)