** บอกตามตรงเลยนะ...กรมธนารักษ์ สังกัดกระทรวงการคลัง...เป็นอีกกรมหนึ่งที่สำคัญมากของประเทศ เพราะดูแลทรัพย์ของประทศมูลค่ามหาศาล...แต่ก่อนหน้านี้บอกได้เลยว่ามักจะไม่ได้อยู่ในเรดาร์ (Radar) ของสื่อมากนัก (นานๆท๊จะมีเรื่องร้อนๆเกิดขึ้นสักที)...จนมาถึงวันที่มี อธิบดีคนใหม่ที่ชื่อ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ...ซึ่งวันก่อนก็เพิ่งจะประกาศยุทธศาสตร์ของกรมธนารักษ์...เพื่อพลิกบทบาทไปสู่ "กรมเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน”...จากเดิมที่คนทั่วไปมักจะรู้จักแค่เป็นคนที่ทำหน้าที่ "ปั๊มเหรียญกษาปณ์" และดูแลที่ราชพัสดุ...ว่าด้วยเรื่องที่ราชพัสดุ...กรมธนารักษ์มีอยู่ในมือ 12.6 ล้านไร่...แต่กว่า 10 ล้านไร่นั้น หน่วยงานราชการครอบครอง...ที่ดูแลเองจริงมีแค่ 1 ล้านไร่...ซึ่งแบ่งเป็นที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเก็บรายได้ค่าเช่าในราคาถูก...เหลืออีกบางส่วนที่เป็นที่ดินที่เป็นเชิงพาณิชย์...ซึ่งตรงนี้แหล่ะที่จะต้องมาวางแผนเพื่อเพิ่มรายได้จากส่วนนี้...นอกจากนี้ที่ดินที่หน่วยงานราชการต่างๆครอบครองอยู่ และใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์...และใช้รายได้ตรงนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมายสักเท่าไหร่นัก...ก็จะดึงเข้ามาในระบบแบ่งปันผลประโยชน์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย...เห็นกันอยู่เช่น สนามกอล์ฟของทหาร ปั๊มน้ำมัน ที่พักตาอากาศ ฯลฯ...บอกเลยมหาศาล...แต่ก็ไม่ง่ายที่จะดึง "อ้อยจากปากช้าง"...ทั้ง "ช้างหลวง" "ช้างศึก"...เกือบทุกที่ก็จะอ้างว่าเป็น "สวัสดิการ"...ซึ่งเอาเข้าจริงในทางปฏิบัติ สัดส่วนผู้มาใช้บริการก็ไม่ใช่ตัวเลขที่จะมาอ้างว่าเป็น "สวัสดิการ"...ตามที่กฎหมายให้การยกเว้นได้...อีกเรื่องหนึ่งที่ ดร.เอกนิติ...อยากจะทำ แล้ว "แวดวงการเงิน" ก็ชอบด้วยคือ...การเพิ่มมูลค่าให้กับเหรียญกษาปณ์...ทั้งที่เป็นแบบเหรียญที่ระลึกในวาระต่างๆ และเหรียญที่ใช้หมุนเวียนทั่วไป...ด้วยการสร้างตลาดดรงขึ้นมาให้เป็นแหล่งซื้อขายเหรียญกษาปณ์รุ่นต่างๆที่เป็นที่สนใจของนักสะสม...ดร.เอกนิติ บอกว่า...ฝีมือการทำเหรียญกษาปณ์ของไทย สวยเป็นอันดับต้นๆของโลก...แวดวงการเงิน...เองก็เพิ่งจะรู้ว่า...เหรียญ 10 บาท ที่เริ่มออกในรัชการที่ 9 คือ เหรียญกษาปณ์ 2 สี เหรียญแรกของโลก...!! ตอนนี้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในรัชกาลที่ 9 นั้น...กำลังกลับเข้าคืนคลัง และถูกทดแทนโดยเหรียญในรัชกาลที่ 10...ว่ากันว่าภายใน 2-3 ปีต่อจากนี้...เหรียญกษาปณ์ในรัชกาลที่ 9 จะหายากยิ่งนัก...และเป็นที่สนใจของนักสะสมจำนวนมากด้วย...**   

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์*