** “อธิบดีหญิงคนเก่ง” ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต...ประกาศเดินหน้ารีดภาษี “ความเค็ม” หรือโซเดียม...เพื่อปกป้องสุขภาพคนไทยและอาจมีแหล่งรายได้ใหม่ติดมาด้วย....พร้อมปรับโครงสร้าง “ภาษีแบตเตอรี่” เอาใจโลกสีเขียว....แต่ที่ต้องเอาใจช่วยอย่างแรงคือ“ภาษีบุหรี่” แหล่งรายได้ดั้งเดิม 1 ใน 5 รายได้หลักของสรรพสามิต ที่ยังคงรั่วไหลไม่หยุดมาตั้งแต่ปี 2560... โครงสร้างภาษียาสูบ 2 เทียร์ที่บังคับใช้เมื่อ 7 ปีก่อน กลายเป็นตัวการหลักฉุดรายได้กรมสรรพสามิตให้ต่ำเตี้ยติดดิน จาก 68,603 ล้านบาท ในปี 2560 เหลือเพียง 51,247 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 ดิ่งลงกว่า 25% สะท้อนปัญหาเรื้อรังที่มีมานานหลายปีหลายอธิบดี แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข…ล่าสุด ภาษียาสูบก็ยังทำรายได้ต่ำกว่าเป้าต่อเนื่อง โดยกรมสรรพสามิตตั้งเป้าหมายสูงลิบ 609,000 ล้านบาท แต่ 5 เดือนแรก ของปีงบประมาณ 2568 เก็บรายได้รวมได้เพียง 213,748 ล้านบาท น้อยกว่าเป้า 5.8% ในขณะที่ภาษียาสูบก็เก็บได้ต่ำกว่าเป้ากว่า 2,047 ล้านบาท หรือ 9.9% โดยหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน ยิ่งเก็บได้น้อยลง 3,056 ล้านบาท หรือ 14.1% ...นอกจากการแพร่ระบาดของบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นสินค้าทดแทนบุหรี่จะส่งผลให้ตลาดบุหรี่หดตัวลงเรื่อยๆแล้ว...ปัญหาโครงสร้างภาษีหลายเทียร์เป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิตในประเทศและผู้นำเข้าลดราคาบุหรี่มาแข่งขันราคากันในกลุ่มบุหรี่ที่เสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุหรี่ในเทียร์บน ทำให้กรมสรรพสามิต เก็บภาษีต่อซองได้น้อยลงไปอีก...แถมผู้ประกอบการก็ได้กำไรต่อซองต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปด้วย เรียกได้ว่าเน้นขายของถูกเอาปริมาณ มากกว่าไปขายของแพงแต่ไม่มีคนซื้อ...แทนที่จะ“หยุดเลือด” จากภาษียาสูบ...กลับมีข่าว คุณภูมิจิตต์ พงศ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ออกมาเชียร์ให้กรม สรรพสามิตขยับโครงสร้างใหม่ เพิ่มเทียร์ล่าง เพื่อเตรียมเปิดทางให้ผู้ผลิตในประเทศลดราคาบุหรี่ลงอีก! กลไกภาษีที่ควรใช้ควบคุมพฤติกรรมผู้บริโภค กลับกลายเป็นเครื่องมือช่วย “กดราคาขาย” เพื่อเอื้อผู้ประกอบการในประเทศให้ขายบุหรี่ราคาถูกลง…บอกเลย...แบบนี้สวนทางกับข้อเสนอของหน่วยงานภาครัฐ และอธิบดีกรมสรรพสามิตคนก่อนๆ....ที่ได้เคยศึกษาโครงสร้างภาษีใหม่และเสนอให้ปรับโครงสร้างภาษีเป็นอัตราเดียว เพื่อให้ตลาดตั้งราคาสินค้าได้อย่างอิสระมากขึ้น สามารถขยับราคาต่อซองขึ้นมาได้โดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งจะทำให้กรมฯ เก็บภาษีต่อซองได้มากขึ้น...!! ที่ท่านผู้ว่า ยสท. มองว่า หากมีการใช้อัตราเดียวจริง การยาสูบฯ ต้องตายแน่ ๆ เพราะราคาบุหรี่นำเข้าจะมีการปรับลดราคาขายลงมา ทำให้มีความแตกต่างด้านราคาระหว่างบุหรี่นอกและของ ยสท. ลดลง และนี่กระมังที่เป็นเหตุผลที่แท้จริง ที่ ยสท. เสนอให้มีการปรับโครงสร้างภาษีเป็น3 เทียร์... ประเด็นนี้ แวดวงการเงิน...ฟังแล้วยังสงสัยอยู่ว่า ถ้ามีปรับเป็นอัตราเดียวแล้วมีบุหรี่กลุ่มใหม่ในช่วงราคาซอง 90-100 บาทจริง จะมีผู้สูบบุหรี่มากแค่ไหนกันที่สามารถซื้อบุหรี่ราคานี้ได้ โดยปัจจุบันราคาบุหรี่ถูกกฎหมายยี่ห้อดัง ๆ ของทั้งการยาสูบฯ และผู้นำเข้า ราคา 105-115 บาท ยังแทบจะหายไปจากตลาดแล้วเลย...แถมเสนอมาตรการแบบนี้ไม่เกรงใจเวทีนานาชาติกำลังจ้องจับตาประเทศที่ใช้กลไกภาษีเอาเปรียบหรือปกป้องสินค้าในประเทศกันบ้างเลย แล้วแบบนี้จะได้เป็นสมาชิก OECD ตอนไหน...คงต้องวัดใจ คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง และ ดร.กุลยา ว่าจะกล้าตัดสินใจ เดินหน้าปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เพื่อโกยรายได้กลับคืนให้กรมสรรพสามิต...หรือจะเลือก“หนุนการแข่งขันดัมพ์ราคากันอีกรอบ” จนคนไทยสูบถูก สูบง่าย สูบเยอะขึ้น แล้วปล่อยให้รายได้ภาษีบุหรี่ปีงบประมาณนี้จบไม่สวยอีกครั้ง…**
** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี