พ่อแม่สมัยก่อนมักมีคำสอนลูกว่า “ขยันๆ เรียนนะ โตไปจะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อกับแม่” เด็กบ้านไหน ขยันมาก รักเรียนมาก ทั้งครูทั้งพ่อแม่ ต่างชื่นชม แถมเอาไปอวดใครต่อใครได้อีก กลับตาลปัตรกับสมัยนี้เลย พ่อแม่ยุคใหม่ “กลัวลูกเรียนหนัก” ไม่อยากให้เด็กเรียนเยอะ โกรธโรงเรียน หงุดหงิดหลักสูตร มันจะเรียนอะไรกันนักกันหนา
ประโยคที่หมอได้ยินหนาหูขึ้น “ผม / ฉันไม่เชื่อระบบการศึกษาเมืองไทย”
!!!!!!!!!!!!! ตกใจค่ะ หมอไม่อยากให้คนไทยแม้แต่คนเดียว คิดแบบนี้เลยจริงๆ
ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่ พวกเรามีประวัติศาสตร์ มีภูมิปัญญามาเป็นเวลาช้านาน ประเทศเราผลิตทรัพยากรบุคคล ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในหลากหลายสาขา และมีแนวโน้มจะโด่งดังมากขึ้น ไม่มีตกเลย ตัวหมอเองไม่ได้ทำงานให้กระทรวงศึกษาธิการ แต่เท่าที่อาศัยวิจารณญาณ และสติปัญญา ณ ขณะนี้ หมอมองเห็นแต่คนเก่งๆ อยู่ในแวดวงการศึกษา มีครูทั้งรุ่นเก่า ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจรรยาบรรณของความเป็นครู และครูสายพันธุ์ใหม่ ที่มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์ทั้งนั้น พร้อมใจกันช่วยปฏิรูปการศึกษาไทย และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด
คนไทยตัวเล็ก ตัวน้อยอย่างเราๆ กลับทำราวกับว่า ทั้งหมดที่คนระดับประเทศ เขาพยายามทำกัน มันไม่มีค่า ไร้ความหมาย และไม่ได้มาตรฐานเอาเสียเลย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คนไทยจำนวนหนึ่ง จะพยายามอย่างสุดตัว เพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศ ในสายตาของประเทศมหาอำนาจ เขาก็ยังมองว่าประเทศเรา “ด้อยพัฒนา” (กว่าเขา) อยู่ดี แต่เราไม่ยอมไง เราเลยปรับคำนิดหน่อย ใช้ชื่อว่า “ประเทศกำลังพัฒนา” เป็นการให้กำลังใจตัวเอง ถ้าจะพูดให้เต็มๆ ก็น่าจะเป็นว่า “คนกำลังพัฒนา”
ซึ่งมันก็จริงอย่างเขาว่า คนยากจน แรงงานไร้ฝีมือ ยังมีให้เห็นทั่วไป ทั่วทุกภูมิภาค ไม่เว้นแม้แต่เมืองหลวงอย่าง มหานครกรุงเทพแห่งนี้ สำหรับประเทศที่มีลักษณะอย่างที่ว่า อะไรสักอย่างที่จะทำให้คนจำนวนมาก “ลืมตาอ้าปาก” ขึ้นมาได้ มีเพียงสิ่งนั้นสิ่งเดียว คือ คนต้องมีการศึกษา
การเรียนหนังสืออย่างจริงจัง เรียกอีกอย่าง (ที่คนไม่ค่อยชอบให้พูดอย่างนี้) ว่า “เรียนหนัก” เป็น “หน้าที่” เป็น “ความรับผิดชอบ” ของคนเป็นเด็ก เปรียบได้กับ “การทำงานหนัก (ตั้งใจ มุ่งมั่นกับการทำงาน)” ก็เป็นหน้าที่ และความรับผิดชอบ ของคนเป็นผู้ใหญ่ เช่นกัน
คนเราจะมี “งานชีวิต” ที่ต้องพยายามทำ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ เด็กต้องตั้งใจเรียน ผู้ใหญ่ต้องตั้งใจทำงาน ผู้สูงอายุต้องตั้งใจดูแลสุขภาพ และเข้าให้ถึงแก่นของศาสนาที่ตนเองนับถือ เพื่อพร้อมจะจากโลกนี้ไป (เรียกว่า ตายดี) ใครสักคนที่ทำชีวิตให้สมบูรณ์ในแต่ละวัยอย่างนี้ได้ จะมีความสงบสุขในชีวิต มากกว่า คนที่กระท่อนกระแท่นในชีวิตมาเรื่อย
เป็นเด็กก็ไม่อยากจะเรียน โตมาดันไม่อยากทำงาน เอาแต่จะกลับไปเรียนหนังสือ
หมอไม่ได้หมายรวมถึง คนที่เกิดมาขาดโอกาสในชีวิตอย่างรุนแรง คนกลุ่มนั้น อาจจะเพิ่งมามีโอกาสเรียน เมื่อตอนโตมีงานมีการทำแล้ว อันนั้นไม่นับ
และความหมายของหมอ การเรียนหนัก ไม่ใช่ลงเรียนพิเศษแบบบ้าระห่ำ พ่อแม่ส่งลูกไปกวดวิชา ราวกับปั๊มเงินใช้ได้เอง
วิธีการที่ถูกต้อง เพื่อเรียนหนังสือให้ออกมาดี โดยอาศัยเฉพาะทรัพยากรในชั้นเรียนตามปกติ มีอยู่จริง เป็นสิ่งที่ทำได้จริง และแน่นอนว่า ตัวเด็กนักเรียนก็ต้องตั้งใจ ต้องใช้ความพยายาม และที่สำคัญ ต้องมีเป้าหมายชัดเจนในชีวิต
หมอสองคนก็มีประวัติเรียนหนังสืออย่างมุ่งมั่น จริงจังมาตั้งแต่เด็ก พ่อสองบ้าน ของหมอสองคน เป็นคนยุคก่อนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาทำให้ตัวหมอและสามีเติบโตมาอยู่ในจุดนี้ ที่ไม่ได้มีความพิกลพิการทางความคิดแต่อย่างใด ไม่ได้มีความสุขในชีวิตน้อยไปกว่าคนอื่นๆ และหมอยังมองว่า ในวันนี้ที่เราสองคนยังพอมีอิทธิพลต่อความคิดของใครได้บ้าง ส่วนหนึ่งก็เพราะ เราเป็นคนมีการศึกษาในระดับที่สามารถทำให้ผู้คน ต้องหันมาฟังอยู่เหมือนกัน
ใน generation ของหมอ และลูกชายสองคน หมอยังยืนยันที่จะให้ลูกๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็ก ไปกับการตั้งใจเรียนหนังสือ และไม่มีทัศนคติกลัวการเรียนหนัก เหมือนอย่างที่รุ่นปู่ย่า ตายายของหมอสองคน ส่งผ่านวิธีคิดอย่างนี้ มาถึงรุ่นพ่อแม่ ตกมาถึงรุ่นของหมอ และยังส่งผ่านไปถึงรุ่นลูกอีกด้วย
อย่าไปกลัวลูกเรียนหนักเลยนะคะ มันไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คนส่วนหนึ่งจินตนาการกันหรอก ประเทศไทยยังขาดแคลนคนมีการศึกษาดีๆ มาช่วยกันพัฒนาประเทศ อีกมากมายมหาศาลจริงๆ และจะยังคงเป็นอย่างนี้ ไปอีกหลาย generation ทีเดียวค่ะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี