ใครๆ ก็อยากให้ลูกมีอุปนิสัยดี ด้วยกันทั้งนั้น คุณสมบัติหนึ่ง ที่พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกมี คือ การไม่เอาแต่ใจตัวเอง หมอเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และในฐานะแม่ หมอก็เป็นแม่คนหนึ่ง ที่จะพยายามอบรมลูกชายทั้งสอง ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง
คนเอาแต่ใจ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่สามารถมองในมุมคนอื่น และมีความเห็นอกเห็นใจใครได้ จะเป็นทุกข์ได้ง่าย ยิ่งต้องออกไปเจอโลกกว้าง ยิ่งไม่มีความสุข เพราะไม่มีใครมายอมให้เขาทำอะไรตามอำเภอใจ
ปัญหาที่หมอพบคือ พ่อแม่เกือบทั้งหมด มีเป้าหมายถูกต้อง ดีมากแล้ว แต่กลับมีวิธีปฏิบัติผิดๆ ที่ว่าผิดก็เพราะ พ่อแม่กลับเป็นต้นแบบของการเอาแต่ใจเสียเอง อย่างไรบ้าง ที่หมอใช้คำว่าพ่อแม่เอาแต่ใจ
เด็กทารกดูดนิ้วมือ นิ้วเท้า เพื่อปลอบประโลมตัวเอง พ่อแม่เอาแต่ใจตัวเอง ด้วยการดึงมือออก พ่อแม่บางคนตีที่มือลูกด้วย เพียงเพราะเขาไม่ชอบให้ลูกทำอย่างนั้น ลูกวัยฝึกกล้ามเนื้อ ทดสอบสิ่งต่างๆ ด้วยการลองปาของลงพื้น พ่อแม่ก็เอาแต่ใจด้วยการดุ ว่า แล้วก็ตีมือลูกอีกแล้ว พวกเขาได้แต่คิดว่า การปาข้าวของคือการไม่รักษาของ เด็กหยิบของเข้าปาก เพราะอยากทำความรู้จักสิ่งต่างๆ ตามวิถีเด็กเล็ก พวกพ่อแม่เอาแต่ใจก็ได้แต่พูดว่า ยี้....สกปรก แล้วก็กระชากของออกจากมือลูก เด็กหลายคนที่หมอเจอ ทั้งถูกตีมือ และตีที่ปาก น่าสลดหดหู่เหลือเกิน
เด็กวัยเตาะแตะ ไม่มีคนไหนอยากนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับที่หรอก ก็ในเมื่อเดินได้แล้ว จะอยู่เฉยไปทำไม มีอะไรให้เรียนรู้อีกเป็นหลายร้อยอย่าง พ่อแม่ที่แสนจะเอาแต่ใจตัวเอง ได้แต่ห้าม ลูกเดินไปไหน ก็ไปหยิบกลับมา เด็กอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ ก็ถูกหาว่าซน ดื้อ สมาธิสั้น เรื่องอาหารก็เหมือนกัน ก็เนื้อหมูมันเหนียว เคี้ยวยากจะตาย พ่อแม่จอมเอาแต่ใจก็ยัดเยียดอยู่นั่น พอลูกไม่กิน ก็ถูกดุ ถูกว่า ถูกขู่ ถูกตี กินข้าวเคล้าน้ำตากันแทบทุกมื้อ
เด็กโตขึ้นมาอีกหน่อย เข้าวัยเรียน พ่อแม่แสดงความเอาแต่ใจด้วยการอยากให้ลูกเรียนนั่น เรียนนี่อย่างที่พ่อแม่ชอบ อยากให้ลูกมีความสามารถเยอะๆ คะยั้นคะยอกึ่งบังคับ ให้เรียนเปียโน ไวโอลิน บัลเล่ต์ ร้องเพลง ว่ายน้ำ และอีกจิปาถะ ไม่ได้หันหลังมาดูเลยว่าลูกอยากจะทำมันมากน้อยขนาดไหน บางบ้านเวลาไม่พอใจลูก ก็ตะโกนใส่หน้าเด็ก ต่อว่าด้วยถ้อยคำบาดเข้าไปในใจเหลือเกิน เหล่านี้แหละที่หมอเรียกว่า ผู้ใหญ่เอาแต่ใจตัวเอง
พ่อแม่เอาแต่ใจที่หมอเจอ มีทั้งแบบสุภาพ และแบบกระโชกโฮกฮากกับเด็ก แต่ทุกบ้านยืนยันเสียงแข็งว่า ที่ไม่ปล่อยให้ลูกทำอะไรตามใจ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กเอาแต่ใจ ลองค่อยๆ คิดตามนะคะ สิ่งที่พวกเราทำ อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นคือต้นแบบของการเอาตัวเองเป็นที่ตั้งชั้นดี เลยล่ะค่ะ
แล้วพ่อแม่ต้องปฏิบัติกับลูกอย่างไรกันแน่ จึงจะไม่เรียกว่าเอาแต่ใจตัวเอง หมอขอสรุปให้ฟังดังนี้
1. พ่อแม่ต้องหาความรู้ว่า เด็กวัยต่างๆ เขามีพฤติกรรมตามธรรมชาติ เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ควรต้องรู้ลึกลงไปอีกนิดว่า เด็กวัยนั้น ทำพฤติกรรมอย่างนั้น เพราะอะไร แล้วพ่อแม่ควรตอบสนองอย่างไร ถ้าพ่อแม่มีความรู้เกี่ยวกับเด็กน้อยเกินไป ท่านจะหงุดหงิดลูกบ่อยมาก เพราะสิ่งที่เด็กทำ ช่างแตกต่างกับที่ผู้ใหญ่ทำเหลือเกิน ผู้ใหญ่ไม่ดูดนิ้ว ไม่เล่นปลั๊กไฟ ไม่เอาตัวไปคลุกดินคลุกทรายเล่น และอีกหลายสิบอย่าง ที่เด็กทำ แต่ผู้ใหญ่เขาไม่ทำกัน
การจะมีความรู้อย่างนี้ได้ พ่อแม่ต้อง “เปิดใจ และถ่อมใจ” พอสมควร ในการเชื่อว่า “ศาสตร์” เกี่ยวกับ “จิตวิทยาพัฒนาการเด็ก” มีอยู่จริง ถ้าพ่อแม่ยังยืนยันเชื่อแต่ตัวเอง โดยไม่เปิดตากับวิชานี้ ท่านก็จะยังทำพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองอยู่ร่ำไป เพราะ เด็กกับผู้ใหญ่มีพฤติกรรมต่างกันสุดขั้ว จนท่านอาจไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย
2. พ่อแม่ต้องหมั่นสำรวจใจตัวเองอยู่เสมอ แต่ละครั้งที่เราปฏิเสธลูก ต่อว่าลูก เป็นเพราะลูกทำผิด หรือเป็นปัญหาที่ตัวเราเองกันแน่ เราแค่ไม่อยากให้ลูกทำอย่างนั้น เพราะเราไม่ชอบ เพราะเราขี้เกียจเก็บกวาด เพราะเราไม่อยากเหนื่อย ฯลฯ หรือเปล่า ?
เมื่อพ่อแม่ตั้งสติกับเรื่องนี้ได้เก่งขึ้น ท่านจะรู้เลยว่าเมื่อท่านไม่เอาแต่ใจตัวเอง คิดแต่จะให้ลูกทำในแบบที่พ่อแม่ต้องการ ท่านจะเห็นว่าลูกเชื่อฟัง และร่วมมือในการบอก การสอนของพ่อแม่ อย่างดีขึ้นมากเลยทีเดียว และต้องขอย้ำเรื่อยๆ ว่า การเอื้อให้ลูกทำอะไรแบบเด็กๆ ที่เหมาะกับพัฒนาการในช่วงนั้น เป็นคนละเรื่องโดยสิ้นเชิงกับการไม่ฝึกวินัยให้ลูก เมื่อคนเอาแต่ใจมาอยู่ร่วมกัน จะมีแต่การทะเลาะเบาะแว้ง
ถ้าผู้ใหญ่เลิกเอาแต่ใจได้เมื่อไหร่ เด็กๆ ในความปกครองของท่าน ก็จะไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเช่นกัน
อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะได้พิสูจน์ค่ะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี