พอดีผมบังเอิญได้อ่านคอลัมน์ออนไลน์”สู่นิเวศรัฐ”ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธุ์ 2561ของ”ท่านวิมล ไทรนิ่มนวล” ซึ่งเป็นคนบางเลน จังหวัดนครปฐมเช่นเดียวกับผม เขียนถึงเรื่อง “จากหมุดคณะราษฎร-สัตว์กินซาก” ซึ่งพาดพิงนักการเมืองยุคใหม่ได้อย่างเหมาะเจาะทุกรูขุมขน
ผมเข้าใจว่าท่านวิมลได้อ่านข้อความที่นักการเมืองบางคนที่ต่อต้านและโจมตีอำมาตย์ที่เคยแหกปากบนรถหาเสียงปลุกระดมให้มวลชนลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อ้างความไม่สง่าผ่าเผยหรือเพราะขี้แพ้ชวนตีไม่ทราบ แต่การปลุกระดมครั้งนั้นมีการเรียกร้องให้มวลชนถือขวดมาคนละใบ ใส่น้ำมันแล้วเข้ากทม. ปลุกเร้าให้เผากทม.ให้เป็นทะเลเพลิง เผาที่ว่าการจังหวัด โดยประกาศว่าไม่ต้องห่วงคดีความที่จะเกิดขึ้น ผม(เขา-มัน)จะรับผิดชอบเอง ที่ออกมาโหนกระแสเรียกร้องสังคมให้ช่วยหาความเป็นธรรมให้กับคนรากหญ้าที่ถูกมันหลอกถูกมันพามาตายบางส่วน และต้องติดคุกติดตะรางบางส่วนโดยที่มันไม่ได้เข้ามารับผิดชอบอย่างที่ป่าวประกาศ หรือจะเรียกว่ามัน อ้ายอำมาตย์ชั่วที่ต่อต้านอำมาตย์เปรียบแค่แค่ผายลมผ่านไมโครโฟนก็ไม่ผิดนัก โดยยกเดียรฉานอย่างเสือดำ ที่ถูกกลุ่มเดรัจฉานกินซากอย่างกลุ่มผู้ต้องหาขั้นวีไอพีคดีบุกรุกป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตกมาเป็นข้อเรียกร้องอำมาตย์ชั่วมันเปรียบคนรากหญ้าที่มันพามาตายกับสัตว์เดียรฉานอย่างเสือดำที่ถูกฆ่าตาย !!
ท่านวิมล ไทรนิ่มนวล ลากยาวไปตั้งแต่การเรียกร้องของฝ่ายคนเสื้อแดง-นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย-นักวิชาเกินอย่างดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริที่ฟูมฟายเป็นกระต่ายตื่นตูม!!กระแตแต้แว้ดกรณี ”หมุดคณะราษฏร”หายไปจากลานพระราชวังดุสิต
กากเดนเหล่านั้นพยายามปลุกปั่นว่า เป็นฝีมือทหารที่เข้ามากระทำการยึดอำนาจการบริหารประเทศจากรัฐบาลพลเรือนที่ขาดความชอบธรรมถูกขับไล่จากมวลมหาประชาชน อันเป็นผลมาจากการลักหลับคนในสังคมไทยด้วยการออกร่างพระราชกฤษฏีกาอภัยโทษแก่นักการเมืองที่กระทำความผิดคอรัปชั่นระหว่างการดำรงตำแหน่ง แบบเหมารวม และเกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬารจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพลเรือน
ครั้งนั้นคนที่ยกตัวอย่างมาเหล่านี้ปรักปรำและสร้างกระแสตามความถนัดว่า เป็นฝีมือทหารที่เข้ามายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนที่ทุจริตคอรัปชั่น ปลุกเร้าว่า จากหมุดคณะราษฏรหายต่อไปคือกองทัพจะสั่งทุบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทั่งถึงขั้นทุบทิ้งสะพานปรีดี พนมยงค์ที่พระนครศรีอยุธยาด้วยซ้ำ
ดีที่ยังไม่ปลุกเร้าให้ร้ายถึงขั้นทุบอนุสรณ์สถานน่ายปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีลูกศิษย์เคารพบูชาอยู่ทั่วแผ่นดินทิ้งเพื่อให้เกิดการลุกฮือมาต่อต้านทหารตั้งแต่วันนั้นด้วยซ้ำ
ท่านวิมลเขียนต่อมาถึงกระแสการล่าฆ่าเสือดำที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรว่าเป็นการทำลายระบบนิเวศ ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นประโยชน์ที่คนไทยตื่นตัว แม้จะเป็นแค่ไฟไหม้ฟางก็ตามเถอะ แต่ยังพอให้เยาวชนไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ไม่มีสำนึกขาดวิจารณญาณไร้ความรับผิดชอบได้ฉุกคิดนิดหนึ่ง
ทว่านักการเมืองที่โหยหาการเลือกตั้ง เห่าหอนถึงระบอบประชาธิปไตยและความเท่าเทียมกันในสังคม กลับดูแคลนคนไทยที่ตื่นตัวในเรื่องนี้ โพสต์ข้อความที่แสดงออกได้ถึงความเกลียดชังคนที่ออกมาแสดงความคิดเห๊นสงสารเสือดำและโจมตีเดรัจฉานกินซากผู้ก่อเหตุ
อ้ายอำมาตย์คนนี้แหละคนที่ชื่อ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”กลับเรียกร้องคนคนในสังคมไทยข้างต้นกลับมาโกรธแค้นเกลียดชังทหารที่ออกมารักษาความสงบบ้านเมืองเป็นเหตุให้คนเสื้อแดง-คนรากหญ้าที่ถูกมันพามาตายไป 99 ศพ แต่ไม่ได้พูดถึงหรือมีข้อความที่จะทวงถามหาชีวิจคนไทย
อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้สวมเสื้อสีแดง ไม่ได้ถูกพวกมันหลอกมาตายอย่างกลุ่มพันธมิตร-กลุ่มกปปส. และรวมไปถึงเด็กที่ต้องถูกห่ากระสุน-ถูกสะเก็ดระเบิดจากกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลทรราชย์ที่คอรัปชั่นโกงกินจาเกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจและเกษตรกร กระดูกสันหลังของชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนมีสีหรือมวลชนใดก็ตามแม้แต่น้อย
นี่คือประชาธิปไตยตามแบบฉบับของแกนนำกลุ่มแดงกะทันหัน-แดงเทียม-ไม่รู้ว่าแดงหลอกจินตนาการ
ผมอ่านทั้งหมดแล้วคิดถึงการเมืองในยุคที่ผมเริ่มเข้ามาศึกษาเรียนรู้เพื่อประกอบอาชีพสื่อมวลชนครับ ผมเห็นสัตว์เดรัจฉานหลายประเภทค่อยๆคืบค่อยๆคลานเข้ามา
อย่างในยุคถนอม-ประภาส-ณรงค์และพรรคสหประชาไทย จะมีเสือ-สิงห์-กระทิง-แรด เข้ามามีบทบาท ต่อมาก็เกิดสุนัขการเมืองในยุค “คึกฤทธิ์-เราทำได้”จากการแหกคอกของส.ส.พรรคสยามใหม่ในขณะนั้นคือ เปรม มาลากุล –สม วาสนา-เติม สืบพันธุ์(ส.ส.อุตรดิตถ์ทั้ง 3 คน) กระทั่งปลายปี 2540 ก็เกิดสัตว์การเมืองใหม่ขึ้น นั่นก็คือ “งูเห่า” อันเป็นผลมาจากกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หน.พรรคความหวังใหม่ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาลมีมติตรงกันจะสนับสนุน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณหน.พรรคชาติพัฒนา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเคยดำรงตำแหน่งเมื่อปี2539
โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นมีทั้งสิ้น 197 เสียง ประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ 125 เสียง พรรคชาติพัฒนาของพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ 52 เสียง พรรคประชากรไทยของนายสมัคร สุนทรเวชมี 18 เสียง และ พรรคมวลชนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงมี 2 เสียง ขณะที่พรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ของนายชวน หลีกภัย มี 123 เสียง พรรคชาติไทยของนายบรรหาร ศิลปอาชา มี 38 เสียง พรรคเอกภาพของนายณรงค์ วศ์วรรณ 8 เสียง พรรคไท 1 เสียง และ พรรคพลังธรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) 1 เสียง พรรคกิจสังคมของนายสุวิทย์ คุณกิตติ20 เสียง และ พรรคเสรีธรรมของนายพินิจ จารุสมบัติ 4 เสียง และกลุ่มส.ส.พรรคประชากรไทยของนายสมัคร สุนทรเวชที่นำโดยพล.อ.อ.สมบุญ ระหงส์ อีก 12 เสียงสนับสนุน ทำให้นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เกิดสัตว์การเมืองใหม่ขึ้นมาคือ “งูเห่า” กระทั่งมาถึงยุคหัวหน้าจรหน้าเหลี่ยม “ทักษิณ ชินวัตร” สัตว์เลื้อยคลานถูกลากเข้ามาเชื่อมโยงนักการเมืองมาขึ้น ทั้งสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ตัวเงินตัวทอง กระทั่งถึงวรนุส!!
จริงๆแล้วสัตว์เดรัจฉานอยู่คู่กับนักการเมืองมานานนับ 100 ปีก่อนพุทธกาลด้วยซ้ำ เริ่มจากนักปรัชญาเมธีตะวันตกผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดทั้ง 3 คนเป็นผู้วางรากฐานทางความคิดทฤษฏีการเมืองตะวันตกทั้ง 3 คนคือ โซเครติส Socrates (469-399 BC คือก่อนคริสตกาล469-399 ปี) ครูของเพลโต Plato (427-347 BC) ผู้เป็นครูของอริสโตเติล Aristotle (384-322 BC)
ประกาศว่า Man by nature is political animal : มนุษย์ตามธรรมชาตินั้นเป็นสัตว์การเมือง
ส่วนสุนัขนั้น ทางการเมืองเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักกันก็คือ สุนัข 3 ตัวในนวนิยายบันลือโลกของ George Orwell (1903 -1950) ชื่อ Animal Farm หรือเมืองเดรัจฉาน
Orwell มีจินตนาการเยี่ยมสามารถมองทะลุอนาคต นิยายเรื่อง 1984 พิมพ์ในปี 1949 ดังทั้งโลกอีก
Orwell เตือนว่ามนุษย์จะสูญเสียเสรีภาพหมดสิ้น เพราะผู้ปกครองที่ต้องการให้การเมืองนิ่ง ใช้ตาวิทยาศาสตร์หรือ digital (ยุคนั้นยังไม่มี) ควบคุมประชาชนทุกคนได้อยู่หมัด หลบไปไหนก็ไม่พ้นสายตาหรือการควบคุมของ Big Brother หรือ ‘นายใหญ่’ ใส่เสื้อสีแดงไปได้
Orwell ถึวแก่กรรมเสียก่อน ไม่งั้นก็อาจได้เห็นนายใหญ่คนหนึ่งประมูลสัตว์การเมืองอย่างหมาๆหรือ สุนัข โคกระบือ วรนุส เข้าคอกไว้ได้เกือบทั้งหมด ใช้การตลาดและสื่อดิจิตอลซื้อและครอบงำควบคุมคนทั้งประเทศจนการเมืองนิ่ง แล้วปล่อยให้ลอยชายทำลายกฎหมายและชีวิตคน ตลอดจนโกงทุจริตคอรัปชั่นทั้งโคตร
หรือจะเรียกว่าแบบโคตรมหาโกงก็ได้
กับลักษณะเยี่ยงนี้
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมืองโดยแท้
วรพจน์ แสนประเสริฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี