ร้านชื่อจีนแต้จิ๋วแปลเป็นภาษาไทยว่า มังกรทอง หากแต่ทำอาหารไทยแบบเก่าๆ เมนูเด็ดเกือบทุกรายการยังคงรสเลิศเหมือนเมื่อแปดสิบปีก่อน ร้านเดิมตั้งอยู่ที่ถนนข้าวสารเมื่อสมัยยังเป็นถนนเหงาๆ พอถนนเริ่มคึกคักด้วยชีวิตกลางคืนที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวนานาชาติ จึงย้ายมาอยู่ที่ถนนตะนาวใกล้สี่แยกคอกวัว อยู่หลังธนาคารออมสินเยื้องอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
ภาพที่ตั้งร้านปัจจุบัน
ร้านใหม่ยังคงบรรยากาศคล้ายร้านเดิมที่ถนนข้าวสาร ตกแต่งเรียบง่าย ใช้ตู้ โต๊ะเก้าอี้จากร้านเดิม ทำให้บรรยากาศร้านย้อนหลังไปสัก 50 ปี
หมี่กรอบ
หมี่กรอบชาววังเมนูยอดนิยมที่ต้องสั่งแทบทุกโต๊ะ จัดมาพร้อมผักสด ใส่กุ้ง หมูและไก่(รวน) เต้าหู้ กระเทียมดอง พริกสด ใบบัวบก กุยฉ่ายหั่นท่อน น้ำปรุงเคลือบเส้นหมี่คลุกเคล้าอย่างทั่วถึง เป็นหมี่กรอบเนื้อฉ่ำๆ สีน้ำตาลเข้ม รสหวานเค็มแซมเปรี้ยว ประดับกุ้ง 2 ตัว และ หมู 3-4 ชิ้น
ชิมเข้าไปคำแรกบอกได้ว่าประทับใจมาก คะแนนเต็ม 10 ให้ 9 บีบมะนาวแล้วคลุกทุกอย่างให้เข้ากัน ผสมลงตัวเป็นหมี่กรอบรสชาติที่หากินได้ยากในยุคนี้ อร่อยจนกลับบ้านนอนยังตามไปฝันต่อ
ทอดมัน
เนื้อเหนียวนุ่มกำลังดี ทอดมาสีสวย เนื้อทอดมันไม่ได้เหนียวเกินจนเหมือนหนังยางหรือร่วนเกิน อาจาดรสอร่อยกลมกล่อมประดับด้วยพริกเหลือง
ห่อหมก
ห่อหมกอร่อยเครื่องแกงหอมถึงเครื่อง เผ็ดกำลังดี เนื้อห่อหมกกวนกะทิจนเนียน เนื้อปลาช่อนใส่เป็นชิ้นโต ไม่เหมือนห่อหมกเนื้อปลากรายบดละเอียดแบบทั่วไป
หมูก้อนทอด
เนื้อหมูสับปรุงกระเทียมพริกไทยปั้นเป็นก้อนกลม ทอดได้สีสวยดูชวนกิน ได้ความรู้สึกเหมือนกินกับข้าวที่บ้าน
เต้าเจี้ยวหลน
เครื่องจิ้มที่พักหลังชักจะซาๆ ไปจากความนิยม กินแนมกับผักสดต่างๆ เช่น มะเขือเปราะ ถั่วพู แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกะหล่ำ และที่ขาดไม่ได้คือขมิ้นขาว เมื่อได้กินแล้วรู้สึกชื่นอกชื่นใจด้วยการปรุงรสอันลงตัว
น้ำพริกกะปิและน้ำพริกมะม่วง
รสชาติถูกปากไม่จัดจ้านจนเกินควร ปรุงทุกรสได้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะน้ำพริกมะม่วงรสเปรี้ยวกำลังพอดีไม่เปรี้ยวจัดจี๊ดจ๊าด คลุกข้าวพร้อมปลาทอดแนมผักสด ชะอมทอดไข่ วัตถุดิบที่ใช้เป็นของสดมีคุณภาพ ปลาทูทอดตัวโต ปลาสลิดทอดแกะก้างให้กินง่าย
น้ำพริกกะปิของที่นี่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลงเลยมา 3 ชั่วคน การเลือกกะปิใช้แต่กะปิชั้นดี เพียงได้กลิ่นก็หอมอบอวลไปทั่วร้าน เป็นเสน่ห์ที่ชวนให้ลูกค้าขาประจำเมื่ออยากจะกินน้ำพริกก็ต้องนึกถึงร้านนี้ก่อนเพื่อน
ผัดสายบัว
เริ่มตั้งแต่การเลือกสายบัวอ่อนสดกรอบ เด็ดท่อนดึงไม่เหลือใย ผัดกับหมูสับและกุ้งแห้ง จุดเด่นของร้านนี้คือการทำกับข้าวพื้นๆ ด้วยวัตถุดิบที่เลือกเฟ้นอย่างดีสดสะอาด เพียงแค่นี้ก็อร่อยไปมากกว่าครึ่งทางโดยไม่นับฝีมือการผัดที่ฝึกปรือมาอย่างดี
สะตอผัดกุ้ง
ผัดใส่หมูสับ รสนุ่มไม่เผ็ดฉูดฉาดมาก หมูสับ กุ้งสดตัวขนาดกลางผัดได้จังหวะจะโคน ไม่เผ็ดเหมือนผัดสะตออาหารใต้ ที่นี่คล้ายผัดแบบจีนมากกว่า
ต้มยำขาหมู
ต้มยำร้อนๆ น้ำใสบวกกับรสที่จัดแบบที่ไม่เผ็ดโหดจนเกินไป ค่อนข้างจะออกเปรี้ยวนำ เหมือนต้มยำร้านจีนทั่วไป ส่วนขาหมูไม่ต้องพูดถึงทั้งเอ็นและหนังหมูเปื่อยเคี่ยวมากำลังดี กินกันจนลืมคำนวณแคลอรี่ไปชั่วคราว ขอกินให้สมอยากสักวัน
ต้มส้มปลากระบอก
ต้มส้มปลากระบอกปัจจุบันหาร้านที่ทำอร่อยยาก น้ำเข้มข้น หวานนำ เค็ม เปรี้ยวตามมาอย่างกระชั้นชิด ซดร้อนๆ คล่องคอดีมาก เมนูนี้ไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่ามีที่อร่อยถูกปากแอบซ่อนอยู่ที่นี่
กับข้าวในตู้โชว์
อวดกับข้าวที่ขายดีในถาด เช่น พะแนงหมู ปลาทอด ผักสดสำหรับหลนและน้ำพริก ปลาดุกทอดจนฟูที่เอามาผัดพริกขิงปลาดุกฟู หรือถึงหน้าสะเดาก็จะมีสะเดาน้ำปลาหวานปลาดุกฟูอันเป็นรายการขายดีอีกจานหนึ่ง
ปลาทูทอดได้สวยไร้รอยถลอก ตั้งอวดเพิ่มความหิว
ชะอมชุบไข่ทอด
ทอดสวยเช่นเดียวกับปลาทู แสดงถึงความประณีตบรรจงของแม่ครัวรุ่นเก่า
บรรยากาศสบายๆ เป็นร้านอาหารไทยที่รับรองความอร่อยไม่ผิดหวัง ราคาปรกติไม่แพงนัก สะอาดและบริการดี
อาหารเหมือนยุคสมัยก่อนที่เลือกใช้แต่ของดีสดสวยมาปรุงขาย ดูได้จากห่อหมกหอมมันกะทิสด ไม่ใช่จากกะทิกล่องผสมเนื้อปลาช่อนเป็นชิ้นโต ใบยอก็อ่อนไม่ใช่แก่กาก
ยังมีอีกหลายเมนูที่อยากสั่ง เช่น ผัดวุ้นเส้นกระเทียมโทนดอง ยำปลาดุกฟูที่ใช้ปลาดุกซุย เนื้อจริงๆ ไม่ใช่ปลาดุกป่นมาผสมขนมปังตากแห้ง(ถ้าถึงฤดูสะเดาออกดอกเอามาทำสะเดาทรงเครื่องน้ำปลาหวาน อร่อยได้เพียงปีละหน) ผัดพริกขิงปลาดุก ยำถั่วพู พล่ากุ้ง ฯลฯ ล้วนแต่เป็นอาหารพื้นๆ ที่แม่ทำให้กินสมัยก่อน
อีกประการหนึ่งคือ ฝีมือนิ่ง รสไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อน กินเมื่อไหร่ก็คงรสเดิม
ห้องอาหารกิมเล้ง
158-160 ถนนตะนาว แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์ : 081-373-2362, 02-622-2062
เปิด/ปิด : เวลา 10.00 - 20.00 น.
หยุดวันอาทิตย์
จากถนนราชดำเนิน ตรงมาทางสี่แยกคอกวัว เลี้ยวเข้าถนนตะนาว แล้วให้สังเกตธนาคารออมสินสาขาราชดำเนิน ร้านกิมเล้งจะตั้งอยู่ด้านหลังธนาคารออมสิน
ที่จอดรถ : ได้ที่จอดรถของศาลเจ้าพ่อเสือ แล้วเดินมาทางถนนราชดำเนินประมาณ 300 เมตร
ภาพถ่าย : มีรัติ รัตติสุวรรณ
แผนที่ : มูฮัมหมัด พันธ์โพธิ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี