ความหม่นหมองครองอเมริกามาตั้งแต่เดือนธันวาคม น่าแปลกที่ปีนี้อากาศที่ควรจะหนาวจัดกลับไม่หนาว ทำให้บรรยากาศการฉลองคริสต์มาสไม่ครึกครื้นเท่าที่ควร เพราะคนที่นี่คุ้นชินกับหิมะวันคริสต์มาสแบบ “ไวท์คริสต์มาส” นอกจากดินฟ้าอากาศจะแปรปรวนแล้ว ดูเหมือนภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้มะริกันหมดใจเฉลิมฉลอง เท่าที่เห็นตามบ้านเรือนช่วงปลายปี แทบไม่มีบ้านไหนประดับประดาไฟหน้าบ้านเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
นอกจากบรรยากาศหม่นๆ ที่ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ประธานาธิบดีผมเป๋ยังมอบของขวัญสุดระกำช้ำทรวงให้คนอเมริกันบางส่วนด้วยการประกาศชัตดาวน์อีกหน ออกอาการเด็กเปรตที่ลงไปชักดิ้นชักงอว่า ต้องเอาเงินห้าพันล้านดอลลาร์มาให้สร้างกำแพงกั้นอเมริกากับเม็กซิโกนะ ถ้าไม่ได้ตามนั้น ลุงจะปิดรัฐบาล
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการประกาศ “กัฟเวิร์นเมนต์ชัตดาวน์” คืออะไร พูดแบบบ้านๆคือ การที่นักการเมืองเอาประชาชนและลูกจ้างรัฐบาลทั้งประเทศเป็นตัวประกันในการเดินเกมต่อรองฝ่ายตัวเอง อย่างในกรณีนี้คือ ตาลุงผมเป๋อยากให้ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวที่สอดไส้เงินสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก แต่ไม่สามารถผ่านร่างได้เพราะเสียงไม่พอ ฝ่ายรีพับลิกันไม่สามารถดันเกมให้ทรัมป์สมใจยึกบางลำพูได้ เนื่องจากฝ่ายเดโมแครตสะบัดบ็อบเชิดใส่ ไม่ยอมผ่านร่างให้ ลุงเลยอาละวาดฟาดงวงฟาดงาด่าเดโมแครตตามระเบียบ แต่ไม่ว่าอย่างไรคือหน่วยงานรัฐบาลปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม จนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ส่งคอลัมน์คือ 6 มกราคมก็ยังปิดตัว
ผลของการชัตดาวน์ทำให้ลูกจ้างรัฐในหน่วยงานราชการต่างๆ ทั้งประเทศไม่ได้รับค่าจ้าง ลองคิดนะคะ อเมริกานี่บางหน่วยงานจ่ายค่าจ้างเป็นรายชั่วโมง ยิ่งปิดนานเท่ากับว่ายิ่งไม่มีจะกิน เพราะไม่ได้รับเงินค่าจ้าง แล้วปิดยาวตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม อย่าได้หวังว่าครอบครัวลูกจ้างและพนักงานรัฐเหล่านั้นจะมีเงินซื้อของขวัญคริสต์มาสให้ลูกๆ โดยทั้งหมดทั้งมวล ลุงผมเป๋อ้างว่าเป็นความผิดของไอ้พวกพรรคเดโมแครตทั้งหมด ลุงไม่เกี่ยวนะเว้ย
สถานการณ์ประมาณไหน ให้ลองนึกภาพลุงผมเป๋ลงไปนอนชักดิ้นชักงอเร่าๆ กับพื้นทำเนียบขาวแล้วแหกปากโวยๆ ว่า “จะเอา..จะเอากำแพง” ท่ามกลางสีหน้าเอือมระอาและอมทุกข์ของบรรดาลูกจ้างรัฐบาลที่ยืนปาดน้ำตารอบๆ
นี่คือภาวะโหดจัดปลัดบอกอย่างสุดๆ สำหรับลูกจ้างรัฐ ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติและตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศไม่สามารถไปทำงานได้เพราะไม่มีเงินจ้าง ทำให้ขยะล้นป่าเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ป่าและอุทยาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐตามสถานที่ท่องเที่ยวของทางการ
พิพิธภัณฑ์ที่เป็นของรัฐ อย่างพิพิธภัณฑ์ในกลุ่มสมิธโซเนี่ยนทั้งหมดในวอชิงตันต้องปิดทำการ นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะไม่สามารถเข้าชมได้นั่นเอง ที่น่าห่วงที่สุดคือ ขยะพลาสติกล้นป่าให้เป็นที่น่าห่วงว่าสัตว์ป่าจะกินเข้าไป ทั้งหมดนี้ลุงแกภูมิใจมาก ด้วยการพูดออกสื่อว่า
“ผมภูมิใจที่จะได้ปิดหน่วยงานรัฐเพื่อความมั่นคงชายแดน เพราะคนในประเทศนี้ไม่ต้องการอาชญากรและพวกที่นำปัญหาและยาเสพติดเข้ามาในประเทศของเรา... ผมนี่แหละจะเป็นคนชัตดาวน์เอง”
นอกจากมอบความรันทดให้กับคนในประเทศแล้ว ยังมีข่าวร้ายตามมาติดๆ คือ การเสียชีวิตของเด็กหญิงวัย 7 ขวบชาวกัวเตมาลาชื่อแจ็คเกลิน ซึ่งเดินทางมากับพ่อ ร่วมขบวนอพยพจากอเมริกากลางจนมาเสียชีวิตที่ชายแดนอเมริกา เธอเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ภายใต้สำนักงานศุลกากรและปกป้องพรมแดนสหรัฐฯ (CPB )
ความตายของแจ็คเกลินกลายเป็นโศกนาฎกรรม ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของนโยบายเข้าเมืองภายใต้รัฐบาลทรัมป์ มีบางองค์กรระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวของเธอได้มาเก้าหมื่นกว่าบาท (เทียบเงินไทย) ในขณะที่มีการระดมทุนสร้างกำแพงกั้นพรมแดนได้ยอดเงินถึงเป็นพันล้านในเวลาเพียงแค่ 8 วัน
เมื่อมีศพแรก ศพที่สองก็ตามมา เด็กชายชาวกัวเตมาลาวัย 8 ขวบอีกคนป่วยตายในวันคริสต์มาส ขณะถูกควบคุมตัวโดยสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) นับเป็นฝันร้ายที่สุด แต่ดูเหมือนว่าทรัมป์จะไม่แคร์ เพราะแทบไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ยังตั้งหน้าตั้งตาจิกกัดคนอื่นที่เห็นต่างไปจากตน ถึงขั้นโพล่งออกมาในการอวยพรขึ้นปีใหม่ประชาชนพลเมืองด้วยถ้อยคำที่ใครๆ ก็นึกไม่ถึงว่าจะมาจากปากของผู้นำประเทศ มะริกันชนทำหน้าพิลึกเมื่อได้รับสาส์นอวยพรปีใหม่ผ่านทวิตเตอร์จากผู้นำของตนเอง ซึ่งมีข้อความว่า
“สุขสันต์วันปีใหม่ทุกๆ คน รวมถึงพวกที่เกลียดชังผมทั้งหลายและพวกสื่อมวลชนข่าวปลอม! 2019 ขอให้เป็นปีที่มหัศจรรย์สำหรับผู้คนที่ไม่ได้ทุรนทุรายจากความจงชังผมอย่างไร้สติ โปรดสงบใจและสนุกกับชีวิต สิ่งยอดเยี่ยมหลายอย่างกำลังเกิดขึ้นกับประเทศของเรา!"
เดี๋ยวนะ..แบบนี้ก็ได้เหรอ นี่ควรจะเป็นรูปแบบการอวยพรไหมล่ะลุง เจอแบบนี้เล่นเอาเซ็งเป็ดไปตามกัน เพราะไม่แน่ใจว่าลุงแกจะอวยพรหรือแดกดัน แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่าการที่สั่งให้ทหารปาแก๊สน้ำตาใส่ผู้อพยพในช่วงปีใหม่ คือปีใหม่นี่คนทั้งโลกอวยพรให้ประสบแต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น แต่ทำไมลุงช่างกล้าสาดแก๊สน้ำตาให้แต่วันแรกของปีแบบนี้
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ลุงทรัมป์ยักไหล่ไม่แคร์ แถมประกาศปังๆ ว่า อาจจะชัตดาวน์ยาวเป็นปี หากพวกเดโมแครตไม่ยอมตามใจลุงแก อ้าว..ลุงก็พูดได้นิเพราะเป็นมหาเศรษฐี พวกที่ต้องทำงานแลกข้าวแลกขนมปังจะอยู่กันยังไงล่ะลุง ของขวัญคริสต์ทาสก็ไม่มีให้ลูกๆ ของขวัญปีใหม่อย่าได้พูดถึง
หันมาดูฝั่งเดโมแครต บอกเลยว่ายากจะปรองดองกับลุงทรัมป์หัวดื้อเหมือนกัน จำนวนลูกจ้างรัฐที่ได้รับผลกระทบแปดแสนกว่าคน แต่นั่นหมายถึงแปดแสนกว่าครอบครัวนั่นเลยทีเดียว เพราะลูกจ้างแต่ละคนย่อมมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ
นาทีนี้วิกฤติแห่งการชัตดาวน์และความเศร้าที่ชายแดนยังคงเดินหน้าต่อโดยไม่รู้ทางออก ปีกลายจึงเป็นการส่งท้ายด้วยความเซ็ง และรับปีใหม่ด้วยความเศร้าลากยาวมาจนวันนี้ในบ้านลุงแซม
เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี