นาทีนี้การชัตดาวน์ในอเมริกายังดำเนินต่อไปดูท่าจะลากยาวไปเรื่อยๆจนกลายเป็นการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในอเมริกาไปแล้ว ลูกจ้างรัฐแปดแสนคนไม่ได้เงินค่าจ้างซึ่งแปดแสนคนมีครอบครัว นั่นครอบคลุมไปเป็นล้านชีวิตเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนต้องมาทำงานโดยที่ไม่ได้รับค่าจ้างใดๆเจ้าหน้าที่หน่วยงานสำคัญๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยอย่างเจ้าหน้าที่หอควบคุมการบิน พนักงานดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ด้านรักษาความปลอดภัยของรัฐไม่สามารถหยุดได้จึงจำใจต้องมาทำงานแบบไม่ได้รับค่าจ้างส่วนหน่วยงานรัฐด้านอื่นปิดหมด มิวเซียมของรัฐไม่เปิดให้บริการมิวเซียมในเครือสมิธโซเนี่ยนปิดหมด อุทยานแห่งชาติขยะล้นป่าเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐให้บริการและดูแลส่วนนี้อย่างที่เคยเป็นมาผลพวงของการชัตดาวน์จึงแผ่ขยายในวงกว้างเกินกว่าคาดคิดทั้งหมดนี้เป็นเพราะการเล่นเกมทางการเมืองระหว่างสองพรรคใหญ่นั่นเองเจ้าหน้าที่รัฐบางคนถึงกับระดมทุนผ่านออนไลน์ขอให้ช่วยจ่ายค่าเช่ามีบางส่วนถึงขั้นไม่สามารถไปรับอินซูลินเพื่อรักษาโรคเบาหวานได้ไม่รู้ว่าเงินเดือนจะออกเมื่อไหร่บางคนให้สัมภาษณ์ว่าต้องประทังชีวิตด้วยอาหารที่มีในบ้านเพราะไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยมาตั้งแต่คริสต์มาส
พนักงานสำนักงานความปลอดภัยในการเดินทางบางคนลาออกและอีกหลายคนกำลังชั่งใจลาออกเช่นเดียวกันมาดูทางตาลุงผมเป๋นี่ก็ไม่เคยหุบปาก ขู่ฟ่อๆว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติและออกรายการสดเล่นเอามะริกันทั้งประเทศถึงกับอุ้มลูกจูงหลานมานั่งหน้าจอจ้องตาเป๋งกันเลยทีเดียว เพราะอยากรู้เหลือเกินว่าท่านผู้นำตะปบจิ๋มจะพูดอะไรและอะไรคือภาวะฉุกเฉิน เพราะเวลาเกิดกรณีภาวะฉุกเฉินที่ผ่านมา เช่นเหตุการณ์ 911 หรือการส่งทหารไปอิรักประธานาธิบดีจะต้องกล่าวแถลงการณ์ในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาวพอลุงทรัมป์บอกว่า เอาล่ะ..จะประกาศภาวะฉุกเฉินล่ะเว้ยเล่นเอาคนอเมริกันหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามกันว่าลุงแกจะมาไม้ไหนหลังจากนอนฟังตาลุงแกพล่ามผ่านทีวีแล้วถึงกับถอนใจเฮือกเพราะรู้สึกว่าเสียเวลาจริงๆภาวะฉุกเฉินแห่งชาติควรจะเป็นอะไรที่มีความสลักสำคัญกว่านี้แต่ลุงเล่นลากมาเพื่อจะแหกปากบอกโลกว่า“ต้องจ่ายเงินสร้างกำแพงให้ลุงนะ ไม่งั้นลุงก็จะชัตตาวน์มาราธอน”สรุปโดยรวมคือลุงแกชักแม่น้ำทั้งห้าร่ายยาวว่าทำไมอเมริกาต้องสร้างกำแพงโดยชี้ปมปัญหาไปที่ผู้อพยพชาวเม็กซิกันแต่ไม่ยักเสนอทางออกในการแก้ปัญหานอกจากพยายามยัดความคิดว่าต้องสร้างกำแพงอย่างเดียวเท่านั้นราวกับว่ากำแพงคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่พอสร้างแล้วจะปัดเป่าปัญหาเลวร้ายทั้งหมดทั้งมวลได้ในพริบตา
ดูแล้วเหมือนเด็กดิ้นกระทืบเท้าเร่า ๆกลางห้างเวลาไม่ได้ของเล่นไม่มีผิด ดูตาทรัมป์แถลงแล้ว ถึงกับกุมขมับสิ่งที่แกพูดคือปลุกเร้าคนทั้งชาติเกลียดชังคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในอเมริกา โดยมีอคติว่าคนเหล่านี้คือตัวปัญหา โดยการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวพยายามเสี้ยมให้คนขาวชังเม็กซิกัน และคนดำเกลียดเม็กซิกันคือเสี้ยมให้เกิดความเกลียดชังในชาตินั่นเองปกติสองกลุ่มนี้ก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้วแต่คนระดับผู้นำไม่ควรเสี้ยมแบบนี้ลุงทรัมป์กล่าวโทษกลุ่มอาชญากรรมและผู้ยาเสพติด
โดยเน้นว่าทางเข้าตามพรมแดนเป็นท่อส่งยาเสพติดแล้วโน้มน้าวว่าคนอเมริกันจำนวนมากเสียชีวิตด้วยฝีมือคนต่างด้าวเหล่านี้เดี๋ยวนะ..ลุง แล้วไอ้ที่ยิงกราดกันรายวันนี่ผิวขาวเผือกผ่องถือสัญชาติอเมริกันแต่อ้อนแต่ออกทั้งนั้นเลยนี่นับหัวต่อปีหนักกว่าตายเพราะยาเสพติดอีกแถมยาเสพติดนี่ไม่ขนข้ามพรมแดนกันแล้วแต่พี่เล่นขุดอุโมงค์มาทะลุประเทศกันเลยเคยมาโผล่ใต้ร้านเคเอฟซีก็เจอมาแล้ว
จากนั้นก็พร่ำด่าเดโมแครตไปเรื่อยว่าเป็นความผิดของพรรคเดโมแครตที่ทำให้ไม่สามารถยุติการชัตดาวน์ได้ความดันทุรังเพื่อสร้างกำแพงของทรัมป์เป็นแค่เกมการเมืองเพื่อเอาใจฐานเสียงขวาจัดของตัวเองโดยการกระตุ้นความรู้สึกเกลียดกลัวชาวต่างชาติโดยไม่ได้คำนึงถึงความจริงว่าปัญหาพรมแดนมีความซับซ้อนยิ่งกว่านั้นพรรคเดโมแครตที่ในเวลานี้คุมสภาล่างสหรัฐฯส่งผู้นำเสียงข้างน้อยสภาสูงคือ ชัค ชูเมอร์ และประธานสภาคองเกรส แนนซี เพโลซี ออกมาโต้ทรัมป์เริ่มด้วยการกล่าวหาว่าทรัมป์พยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความกลัวด้วยการใช้ห้องทำงานรูปไข่ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วเรียกร้องให้ทรัมป์ยุติการชัตดาวน์เดี๋ยวนี้
จากนั้นก็ตบท้ายด้วยประโยคว่า“สัญลักษณ์อเมริกาคือเทพีเสรีภาพ...ไม่ใช่กำแพงกั้นพรมแดน”สิ้นสุดถ้อยแถลงของลุงผมเป๋ มะริกันก็ขุดหลักฐานมาแฉกันอลหม่านเพราะคำแถลงของทรัมป์ไม่ได้เป็นความจริงทุกเรื่องและทุกประการ เช่นยูเอสเอทูเดย์รายงานข้อมูลตัวเลขที่ทางสำนักงาน CBPเสนอต่อสภาคองเกรส พบว่าในช่วงระหว่าง วันที่ 1 ต.ค 2017 – 31 มี.ค2018 ทางสำนักงานพบบุคคล 41รายที่ถูกขึ้นบัญชีจับตาผู้ก่อการร้ายตามแนวพรมแดนติดเม็กซิโกและจากจำนวนทั้งหมดมี 35 คนเป็นพลเมืองอเมริกัน ที่เหลืออีก 6คนเป็นคนชาติอื่น
หลังจบแถลงการณ์ ก็มีการประชุมร่วมกันอีกรอบแต่หนนี้ตาลุงผมเป๋กลับวีนแตกใส่ ด้วยการตบโต๊ะปังก่อนกระทืบเท้าปึงๆออกจากห้องประชุมไป ดูแล้วเหมือนเด็กห้าขวบไม่มีผิดหลังปึงปังออกจากห้องประชุมก็จิกกัดทั้งชัค ชูเมอร์และแนนซี เพโลซีด้วยความเรียกที่ไม่ค่อยให้เกียรตินัก โดยเรียกชัคว่า “ชัคขี้แย”แล้วบินไปโปรโมทตัวเองที่พรมแดนอเมริกา-เม็กซิโกโพลล่าสุดรายงานผลในเรื่องนี้ ชาวอเมริกันเห็นว่าการชัตดาวน์เป็นความผิดของประธานาธิบดีทรัมป์แม้ว่าจะพยายามโบ้ยความผิดให้เดโมแครตตลอดเวลาก็ตามผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์และอิปซอสที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 1-7
ที่ผ่านมาโดยสอบถามกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่ 2,203 คนประกอบด้วยผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน 722 คนและผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต 867 คน พบว่า 51% เชื่อว่าการชัตดาวน์เป็นความผิดของทรัมป์ หรือเพิ่มขึ้น 4%จากการสำรวจช่วงปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ 32% เห็นว่าสมาชิกเดโมแครตในรัฐสภาควรต้องรับผิดชอบ และ 7%กล่าวโทษสมาชิกรีพับลิกันในคองเกรสจำนวนผู้ที่สนับสนุนการสร้างกำแพงชายแดนลดลง 12%
จากการสำรวจเมื่อต้นปี 2015 โดยเวลานี้อยู่ที่ 41% และ 35%เห็นด้วยให้ร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐสภาจต้องครอบคลุมงบสร้างกำแพงชายแดน แต่มีเพียง 25%ที่สนับสนุนการตัดสินใจของทรัมป์ในการชัตดาวน์จนกว่าคองเกรสจะผ่านงบสร้างกำแพงวันที่เขียนต้นฉบับนี้ การชัตดาวน์ดำเนินมาถึง 24 วันแล้ว
ซึ่งการชัตดาวน์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาเพราะการชัตดาวน์ในยุคประธานาธิบดีบิล คลินตันที่ว่ายาวนานนั้นกินเวลาแค่ 21 วันแต่หากถามดิฉันว่าการชัตดาวน์หนนี้คือความผิดใครก็อยากจะบอกว่าผิดทั้งคู่นั่นแหละเพราะทั้งสองพรรคจับประชาชนมาเป็นตัวประกันไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของใครทั้งนั้นเอาชนะคะคานกันบนน้ำตาและความทุกข์ยากของประชาชนล้วนๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี