การชัตดาวน์รัฐบาลกลางในอเมริกาลากยาวมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เพราะความดื้อด้านของทั้งตาลุงผมเป๋ ที่อวดอ้างว่าจะทำให้อเมริกากลับมาเป็นหนึ่งเหมือนเดิมกับทางฝ่ายพรรคเดโมแครตที่ดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้กัน แถมดีกรีความแซ่บร้อนแรงขึ้น เมื่อสมาชิกสภาคองเกรสฝ่ายเดโมแครตสตรีรุ่นใหม่ แถมเป็นมุสลิมเสียด้วย
ประกาศลั่นบ้านลุงแซมว่า
“เราจะลากไอ้ลูกอีดอกไม้เข้าสู่กระบวนการถอดถอนให้ได้”
ส่วนลุงที่ถูกเรียกว่า “ลูกอีดอกไม้” นั้นก็ใช่ย่อย ก่อนหน้าก็ได้ฉายาว่า “จอมตะปบจิ๋ม” และอีกหลายสมญานามอันไพเราะเพราะพริ้ง ปีกลายยังทำให้ชาวโลกตะลึงด้วยการเรียกผู้นำเกาหลีเหนือว่า “มนุษย์จรวด” และเรียกกลุ่มประเทศแอฟริกากับอเมริกากลางว่า “ประเทศรูขี้” แต่พอโดนด่าดิบๆ กลับทำหน้าระรื่น แล้วแขวะกลับ ว่าการเรียกคนอื่นด้วยคำหยาบแบบนี้เป็นเรื่องน่าละอายนะจ๊ะ หนู สงสัยบ้านลุงไม่มีกระจกสินะ ยังมีหน้าไปจิกกลับอีก แต่จะว่าไปแล้วขิงก็รา ข่าก็แรงทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ
สถานการณ์จะลากยาวไปถึงวันไหนไม่มีใครรู้ พอดีมีเรื่องร้อนๆ อันเป็นหัวข้อทอล์คออฟเดอะทาวน์สองเรื่องตอนนี้ เลยอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องแรกคือการแอนตี้โฆษณาชุดใหม่ของผลิตภัณฑ์โกนหนวดสำหรับผู้ชายยี่ห้อ Gillette ซึ่งยี่ห้อนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก รวมทั้งบ้านเราด้วย
โฆษณาที่กลายเป็นประเด็นเผ็ดร้อนคือโฆษณาชุดใหม่ที่มีแนวคิดหลักว่า “The next generation of men is watching” หรือเด็กรุ่นหลังเฝ้ามองดูเราอยู่ ในโฆษณาฉายให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้ชาย ที่เห็นการต่อสู้รังแกกันของเด็กชายหรือค่านิยมที่เห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องบำบัดทางเพศเป็นเรื่องปติ โดยอ้างว่า “ผู้ชายย่อมเป็นผู้ชายวันยังค่ำ” แล้วนำเสนอภาพชายอเมริกากลุ่มใหญ่ยืนเรียงแถวปิ้งบาร์บิคิวเฝ้ามองเด็กชายชกต่อยกันแล้วพูดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า
“เด็กชายย่อมเป็นเด็กชายนั่นแหละ”
จากนั้นภาพนำเสนอในโฆษณาคือควรให้ผู้ชายเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งส่งผลให้ชายอเมริกันออกมาต่อต้านโฆษณาชุดนี้ทันที เพราะเหมือนถูกโฆษณาตบหน้าด่าทอว่าเป็นคนเลว เพราะมุ่งโจมตีความเป็นชายมากเกินไป จากนั้นก็ยืนยันว่าเด็กรุ่นหลังที่เติบโตขึ้นมาแบบนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก อะไรทำให้พี่แน่ใจแบบนั้นคะ
ควันยังไม่ทันจาง ก็มีข่าวที่ทำให้ชาวโลกโห่ฮาตามมา แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับโฆษณาชุดนี้ แต่ก็สะท้อนให้เห็น “ภาพเด็กรุ่นใหม่” ในสังคมอเมริกาได้อย่างชัดเจน ข่าวนี้คือข่าวที่เด็กนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมจากรัฐเคนตักกี้จับกลุ่มหัวเราะเยาะเย้ยและตวาดใส่หน้าผู้อาวุโสชาวอินเดียนแดงในวอชิงตันดีซี
ไม่มีอะไรที่จะตลกร้ายและย้อนแย้งเท่าข่าวนี้อีกแล้ว อินเดียนแดงผู้อาวุโสเผ่าโอมาฮ่าเดินทางไปทำพิธีกรรมตามความเชื่อแก่ทหารอินเดียนแดงที่ร่วมรบสงครามเวียตนาม ซึ่งตัวลุงอินเดียนแดงก็เป็นหนึ่งในบรรดาทหารอินเดียนแดงที่ร่วมรบในสมรภูมิเวียตนาม ทหารผ่านศึกอินเดียนแดงเหล่านี้เดินทางไปทำพิธีทางความเชื่อของเผ่าที่ลินคอล์น เมมโมเรียลในกรุงวอชิงตันดีซี.
ขณะที่กำลังทำพิธีทางความเชื่ออยู่นั้น เด็กโรงเรียนมัธยมปลายชายล้วนแห่งหนึ่งในเคนตั๊กกี้ไปทัศนศึกษาที่นั่นพอดี วัยรุ่นกลุ่มนี้เต้นแร้งเต้นกาล้อเลียนพิธีกรรมแบบอินเดียนอย่างน่ารังเกียจ ด้วยการส่งเสียงโห่ฮายื่นหน้ากวนอารมณ์ บางคนก็ตะโกนให้ "สร้างกำแพง" ใส่อินเดียนแดงผู้เฒ่า นักเรียนกลุ่มนี้ส่วนมากใส่หมวก "Make America great again" เยาะหยันผู้อาวุโสของเผ่า ซึ่งยืนตีกลองด้วยสีหน้านิ่งเฉย
อ่านข่าวพลางเปิดคลิปดูแล้วแทบร้องไห้ นี่หรือคืออเมริกันชนรุนต่อไป นี่คือผลพวงของการอบรมแบบไหนถึงกลายมาเป็นเด็กหนุ่มแบบนี้
คลิปและข่าวนี้แพร่กระจายไปเหมือนไฟลามทุ่ง เลยทำให้รู้ว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นนักเรียนมัธยมโรงเรียนคาธอลิกในเคนตักกี้ ส่วนผู้เฒ่าชาวอินเดียนแดงชื่อนาธาน ฟิลลิปส์ วัย 64 ปีผู้เคยไปร่วมรบที่เวียตนาม อดทนต่อการยั่วยุเย้ยหยันของกลุ่มวัยรุ่นอย่างใจเย็น ให้สัมภาษณ์พลางปาดน้ำตาตลอดเวลาว่า
“ขณะที่ผมกำลังสวดมนต์เป็นภาษาเผ่า เพื่อทำพิธีให้ทหารอินเดียนแดงที่เสียชีวิตอยู่นั้น ได้ยินเสียงตะโกนว่าให้สร้างกำแพงๆ แผ่นดินนี้เป็นของอินเดียนแดงมานานหลายพันปี เราไม่เคยคิดจะสร้างกำแพงใดๆ เพื่อต่อต้านคนที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ดินแดนนี้ เห็นแล้วกังวลแทนอนาคตและจิตวิญญาณของเด็กหนุ่มเหล่านั้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และส่งผลอย่างไรต่อประเทศของเรา”
แทนที่ฝ่ายกลุ่มนักเรียนจะยุติปัญหา กลับสุมไฟให้ลุกพรึ่บขึ้นมาอีก ด้วยการที่แม่ของเด็กหนุ่มที่ใส่หมวก “Make America great again" ผู้ซึ่งยืนยิ้มยียวนด้วยท่วงท่าของผู้ที่เหนือกว่าและไม่เคารพใส่ผู้เฒ่าชาวอินเดียนแดง ออกมาให้สัมภาษณ์แบบเพ้อเจ้อและปกป้องลูกชายเต็มที่ว่า หากจะโทษว่าใครผิด คงต้องโทษไอ้พวกมุสลิมผิวดำนั่นแหละ จากนั้นก็อ้างส่งเดชว่าพวกมุสลิมผิวดำมักล้อเลียนต่อต้านกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์เป็นตัวการ เดี๋ยวนะ..คุณแม่ช่วยวางถุงกาวก่อนได้ไหม โทษมุสลิมผิวดำไปโน่น ดูเลื่อนลอยชอบกลนะ
อย่างที่เคยเขียนไว้ว่า เมื่อหัวแถวขยับ หางก็ส่าย ประธานาธิบดีผมเป๋เคยหยามวุฒิสมาชิก อลิซาเบธ วอร์เร็น (Elizabeth Warren) ซึ่งบรรพบุรุษเป็นอินเดียนแดงว่า “โพคาฮอนตัส” สร้างความไม่พอใจอย่างใหญ่หลวงแก่อินเดียนแดงในอเมริกาทุกเผ่าเมื่อปีกลาย เราเลยได้เห็นความตลกร้ายอันย้อนแย้งอย่างชนิดที่ไม่น่าจะได้เห็นจากข่าวนี้นั่นแหละ
ไม่มีใครรุ้ว่าในใจของเด็กหนุ่มกลุ่มนี้คิดอย่างไรจึงได้ล้อเลียนผู้อาวุโสขาวอินเดียนแดง ทั้งที่สมควรให้ความเคารพ เพราะอินเดียนแดงคือเจ้าของแผ่นดินนี้อย่างแท้จริง และที่นี่คือบ้านของชนเผ่ามานานหลายพันปี กลับตะโกนล้อเลียนให้สร้างกำแพงกั้น โดยหยิบฉวยถ้อยคำแห่งความเกลียดชังจากปากประธานาธิบดีและพ่อแม่ที่สนับสนุนทรัมป์มาเป็นอาวุธทำร้ายอินเดียนแดงแก่ๆ คนหนึ่งอย่างไร้สามัญสำนึก หรือนี่คืออนาคตของประเทศนี้
เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี