สถานการณ์ในอเมริกายังไม่เข้าที่เข้าทางตาลุงผมเป๋เพิ่งแถลงนโยบายประจำปีออกสื่อทั่วโลกไปหมาดๆนอนดูลุงผมเป๋พลางถอนหายใจ ทุกสิ่งอย่างที่ลุงแกพล่ามมานี่หากจะเรียกแบบบ้านๆ คือ “Shit Show” เราดีๆ นี่เองเพราะไม่มีอะไรใหม่นอกจากย้ำแบบดื้อดึงว่าอย่างไรเสียจะต้องสร้างกำแพงแล้วชักแม่น้ำทั้งห้าโฆษณาชวนเชื่อไปเรื่อย ประกอบการเรียลลิตี้โชว์ทางการเมืองของแกไปจนจบลุงแกปากอย่างใจอย่างตอนแรกโอ้โลมให้ทุกคนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อปรองดอง แต่เผลอแป้บเดียวลุงซึ่งหัวหงอกเต็มกบาลก็หันไปจิกกัดเด็กสาวใสกิ๊กสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดาราดวงใหม่แห่งเดโมแครตชื่อ อเล็กซานเดรียโอคาสิโอ-คอร์เตซ ที่เสนอเก็บภาษีคนรวยที่สุดของอเมริกา 70% ลุงทรัมป์แขวะว่าอเมริกันเกิดมาอย่างเสรีและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป โดยจะไม่มีวันเป็นประเทศสังคมนิยมเด็ดขาด ความจำสั้นชัดๆเมื่อสิบนาทีก่อนยังอ้อนขอให้ปรองดองกันอยู่เลย นี่ดันแว้งไปงับเด็กเสียแล้วแม้อาทิตย์นี้จะยังอึมครึม แต่มีเรื่องแปลกแหวกแนวสร้างความขบขันสำหรับคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่และสร้างความมึนงงแก่สิงห์อมควันในรัฐฮาวาย เพราะส.ส.รัฐฮาวายเสนอร่างกฎหมายห้ามจำหน่ายบุหรี่ให้คนอายุต่ำกว่า
100 ปีภายในปี 2024 นั่นหมายถึงการห้ามขายบุหรี่นั่นเองเพราะพอถึงอายุ 100 ปี อาจจะต้องหยอดน้ำข้าวต้มมากกว่าการนั่งสูบบุหรี่เจอแบบนี้เล่นเอาร้องอื้ออึงกันทั่วรัฐ ปกติรัฐฮาวายมีกฎหมายที่เข้มงวดในเรื่องบุหรี่มากกว่ารัฐอื่นๆ เช่นกฎหมายรัฐอื่นกำหนดอายุขั้นต่ำเอาไว้ระหว่าง 18 ปี ในการซื้อบุหรี่และให้ซื้อสุราได้เมื่ออายุครบ 21 ปี แต่รัฐอาวายกำหนดว่าสามารถจำหน่ายบุหรี่ให้แก่ผู้ที่อายุครบ 21 ปี เท่ากับข้อกำหนดเรื่องอายุในการจำหน่ายสุรา ริชาร์ด ครีแกนส.ส.พรรคเดโมแครต เป็นหมอเลยออกไอเดียนี้ขึ้นมาเพื่อประกาศเป็นกฎหมาย โดยเรียกบุหรี่ว่าคือสิ่งประดิษฐ์ที่เลวร้ายที่สุดในโลกข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐฯ ระบุว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนในประเทศล้มป่วยและเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ถึงปีละเกือบ 500,000 คน มีพลเมืองฮาวายเพียงร้อยละ 17 เท่านั้นที่สูบบุหรี่ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่าจะมีรัฐฮาวายเพียงรัฐเดียวแต่ยังมีรัฐแคลิฟอร์เนียด้วยที่ออกกฎหมายบังคับให้ผู้ซื้อบุหรี่ต้องมีอายุ 21 ปี ขึ้นไป แน่นอนว่าเรื่องนี้ถูกต่อต้านจากบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยอ้างว่า “รัฐไม่ควรเข้าไปยุ่งกับการสิทธิของประชาชนแม้ว่าจะเกี่ยวกับของเรื่องสุขภาพก็ตาม” กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการสูบบุหรี่พยายามเรียกร้องให้เพิ่มอายุผู้มีสิทธิ์สูบบุหรี่เป็น 21 ปี เพราะผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่เริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่ก่อน 18 ปี โดยได้รับบุหรี่จากเพื่อนนักเรียนที่อายุครบ 18 ปีแล้ว
อุตสาหกรรมบุหรี่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เมื่อมีการออกกฎบังคับใช้จึงมีการต่อต้านจากบริษัทเหล่านี้ตลอดมาจะว่าไปแล้วยาสูบนั้นควบคู่มากับการก่อร่างสร้างอเมริกา เช่นเดียวกับวัฒนธรรมปืนโดยเริ่มตั้งแต่สมัยอาณานิคมที่ชาวอาณานิคมเรียนรู้วิธีการปลูกยาสูบจากอินเดียนแดง ซึ่งได้รับความนิยมว่าเป็นยาสูบที่ดีที่สุดยาสูบกลายเป็นพืชเศรษฐกิจในหลายรัฐของอเมริกา จนถึงขั้นใช้ใบยาสูบแทนเงินตราเลยทีเดียว อุตสาหกรรมบุหรี่ของอเมริกามีอิทธิพลมากในการกำหนดทิศทางการบริโภคบุหรี่ของโลก โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เพราะในเวลานั้นมีการนำบุหรี่ไปกำนัลทหารกันแบบไม่อั้นจนทหารติดบุหรี่กันหมด หลังจากยุคนั้นมาก็มีการเพิ่มค่านิยมว่าการสูบบุหรี่คือความเท่และเก๋ไก๋ผ่านสื่อและภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด มีการสูบบุหรี่ในที่ทำงานกันควันโขมงป้ายโฆษณาบุหรี่ขนาดใหญ่ปรากฎอยู่ทุกหนแห่งทั่วโลก สมัยที่คนเขียนเริยนมัธยมก็ริสูบบุหรี่แล้ว โดยเฉพาะบุหรี่อเมริกันเพราะถือเป็นความเท่สุดๆในเวลานั้น ไม่มีใครคิดถึงผลกระทบของบุหรี่อย่างจริงจังเท่าใดนัก จนกระทั่งมีรายงานของนักวิจัยชาวเยอรมันในปี ค.ศ. 1930 ที่ชี้ให้เห็นว่ามะเร็งกับการสูบบุหรี่มีความสัมพันธ์กันในทางสถิติ ในปี ค.ศ.1952 เมื่อวารสาร Reader Digest ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง“มะเร็งจากกล่อง (Cancer by Carton)”ทำให้เกิดแตกตื่นในเรื่องภัยที่มากับบุหรี่จนถึงขั้นปริมาณการสูบลดน้อยลงทันตาเห็น
สิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกากลัวมากที่สุด คือการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายซึ่งมีการเรียกค่าเสียหายจากบริษัทบุหรี่ โดยเอกชนรายแรกได้ฟ้องคดีเมื่อปีค.ศ. 1954 และรัฐมิสซิสซิปปีเป็นรัฐแรกที่ฟ้องบริษัทบุหรี่เมื่อปี ค.ศ. 1994 ต่อมามีการห้ามไม่ให้เผยแพร่โฆษณาบุหรี่ห้ามโฆษณาในวิทยุและโทรทัศน์ ขยายไปสู่สิ่งตีพิมพ์ห้ามเผยแพร่ในสนามกีฬา รวมทั้งห้ามโฆษณาแก่เยาวชนห้ามโฆษณาขายตรง และแจกฟรีด้วยรวมถึงการห้ามสูบในที่สาธารณะทั่วอเมริกาศาลรัฐบาลกลางอเมริกา ออกกฎให้บริษัทผลิตบุหรี่เขียนคำแถลงไว้ที่หน้าเว็บไซต์ของบริษัทว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตวันละ 1,200 ราย บุหรี่ทำให้ผู้สูบเสพติดนิโคตินอย่างถาวร บุหรี่ที่มีทาร์ต่ำมีรสชาติอ่อน หรือยาสูบแบบธรรมชาติ
ไม่ได้มีอันตรายน้อยไปกว่าบุหรี่แบบธรรมดาทั่วไปและการสูดดมควันบุหรี่ทำให้ป่วยและตายได้ แม้จะไม่ได้สูบบุหรี่เองก็ตามเริ่มมีการรุกล้อมกรอบบรรดาสิงห์อมควันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเมื่อเดือนก่อน นิวยอร์กออกกฎเลิกขายบุหรี่และยาสูบในร้านขายยาร้านขายยาในอเมริกามีอะไรย้อนแย้งมาก ร้านดังๆเช่นวอลล์กรีนหรือซีวีเอส มีสาขาทั่วประเทศ นอกจากขายยาแล้วยังขายทั้งบุหรี่และเหล้า แถมเปิดตลอด 24 ชั่วโมงเลยมีลักษณะเหมือนร้านสะดวกซื้อในสังคมอเมริกัน แต่ที่โหดสุดสำหรับสายควันคือมีการขึ้นราคาเป็นซองละ 13 ดอลลาร์ เลยกลายเป็นว่าบุหรี่ที่นิวยอร์กเป็นบุหรี่ที่แพงที่สุดในอเมริกา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี