จะว่าไปแล้ว ตาลุงผมเป๋นี่ไม่ต่างจากเด็กดื้อที่ดิ้นเร่าตีอกชกหัวกลางร้านอาหาร เพราะอยากได้ของเล่นแต่พ่อแม่ไม่ซื้อให้จริงๆ ด้วยความดื้อจะสร้างกำแพงกั้นอเมริกากับเม็กซิโก เอาใจแม่ยกแฟนคลับที่สนับสนุนตนจนลากยาวไปถึงขั้นโกเวิร์นเมนต์ชัตดาวน์ไปเดือนกว่า เล่นเอาเจ้าหน้าที่รัฐแปดแสนคน หากรวมครอบครัวเจ้าหน้าที่ด้วยก็นับล้านคนอดอยากปากแห้งเดือดร้อนแสนสาหัสตามกัน จนต้องยอมยุติการชัตดาวน์ แต่ไม่วายทิ้งทุ่นระเบิดเอาไว้ว่า จะพิจารณาอีกทีหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เล่นเอาพนักงานรัฐหายใจไม่ทั่วท้องกันอีกรอบ เพราะไมรู้จะหมู่หรือจ่า
ก่อนหน้าวันดีเดย์ สภาคองเกรสลงมติจะมอบงบประมาณ 1,400 ล้านดอลลาร์สำหรับสร้างรั้วตามแนวชายแดนทางใต้ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ท่านทรัมป์ต้องการ เพราะลุงแกอยากได้เงินก้อนโตถึง 5,700 ล้านดอลลาร์
พอถึงวันวาเลนไทน์ สภาคองเกรสก็นัดประชุมกันเรื่องนี้อีกหนฉลองวันแห่งความรัก แต่ดูเหมือนว่าตาลุงผมเป๋ยังกร้าว ไม่ยอมรับรักจากหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งนั้น นอกจากดึงดันร่ำร้องจะเอากำแพงราวกับเด็กจะเอาของเล่นชิ้นนี้ให้ได้
แม้ว่าตาเฒ่าผมเป๋จะยอมลงนามในร่างกฎหมายด้านความมั่นคงทางชายแดน เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์รอบสอง แต่ก็ยังขู่ฟ่อๆ ว่า จะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อหาเงินมาสร้างกำแพง เล่นเอาพรรคเดโมแครตก่นด่าเสียงขรม เพราะการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติไม่ใช่เรื่องที่จะปากพล่อยประกาศกันเล่นๆ แต่ต้องทำในยามเกิดภัยร้ายแรงจริงๆ เช่น กรณี 9/11
แต่นี่ลุงทรัมป์แยกเขี้ยวยิงฟันใส่ชาวบ้านร้านถิ่นว่า ไอ้พวกเม็กซิกันที่เข้าเมืองมาทางชายแดนนี่แหละคือภัยพิบัติแห่งชาติ และต้องสร้างกำแพงอย่างเดียว เวลานั้นทุกคนคิดว่าตาลุงผมเป๋คงแค่ขู่เพื่อบลัฟเฉยๆ แต่หลังวาเลนไทน์ได้แค่วันเดียว ตาลุงก็ประกาศภาวะฉุกเฉินจริงๆ ในตอนเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ผ่านทางสื่อทุกช่องทาง
การที่ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินแบบไร้สาระ เล่นเอาประชาคมชาวโลกถึงกับครางฮือ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีใครที่ดื้อดึงไม่นึกถึงคนอื่นได้ขนาดนี้ นอกจากจะเอาใจแม่ยกแฟนคลับผู้สนับสนุนฝ่ายตัวเอง และการสร้างกำแพงก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจนต้องเร่งสร้าง
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ทรัมป์บอกชัดเจนว่า จะฉกงบประมาณจากโครงการของกองทัพที่ได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้วมาเป็นงบสร้างกำแพงแทน งบที่ว่าคืองบวิศวกรกองทัพ มีไว้เพื่อป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ อย่าง เฮอร์ริเคน พายุหิมะ น้ำท่วม อะไรทำนองนั้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจริงๆ พูดง่ายๆ คือทรัมป์ตบเงินของรัฐบาลกลางมาสร้างกำแพงนั่นแหละ
การประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติมักประกาศเมื่อเผชิญวิกฤติร้ายแรง เพื่อให้ประธานาธิบดีสามารถเข้าถึง "อำนาจพิเศษ" ที่บรรจุอยู่ในกฎหมายอื่นๆกว่า 100 ฉบับ ให้มีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องรออนุมัติจากสภาคองเกรสซึ่งไม่มีเวลาพิจารณาเพียงพอ
ดิฉันนั่งดูทีวีถ่ายทอดสดในช่วงเช้าแล้วถอนหายใจ ดูแล้วปัญญาอ่อนมาก เพราะตาลุงพูดไปเรื่อยเจื้อย เหมือนเวลาที่แกโม้ยามหาเสียง แถมลากแม่หญิงผิวขาวผ่องให้ออกมายืนยันว่าครอบครัวเธอได้รับความเดือดร้อนจากพวกเม็กซิกันอย่างนั้นอย่างนี้ จากนั้นก็อ้างถึง "กลุ่มอาชญากร" และการขนส่งยาเสพติดและการค้ามนุษย์ข้ามชายแดนเข้ามาในอเมริกา พร้อมกับขบวนคาราวานผู้อพยพจากอเมริกากลาง ซึ่งจำเป็นต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามที่ (ลุงแก) ว่า
แต่แปลกแฮะ ลุงทรัมป์ชิ้นิ้วกล่าวหาด่าทอเม็กซิกันปาวๆ ว่าเป็นตัวการทำร้ายคนอเมริกันและสร้างปัญหามากมาย โบ้ยไปว่าเมื่อพวกนี้เข้ามาในอเมริกาแล้วก็ไล่ฆ่าคนอเมริกัน เดี๋ยวนะ..ลุงไม่เห็นพูดถึงกรณีการกราดยิงในที่สาธารณะเลยนี่ และไอ้โรคจิตที่กราดยิงรายวันก็เป็นพลเมืองอเมริกันผิวขาวผ่องเป็นยองใยทั้งนั้น ไม่เห็นมีเม็กซิกันคนไหนไล่ยิงกราดเลย
แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรและชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมเครตถึงกับเลือดขึ้นหน้าประณามแบบไม่ยั้งว่า เป็นการกระทำการนอกเหนือขอบเขตของกฎหมายถึงขั้นฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง เพราะภาวะฉุกเฉินที่อ้างเป็นภาวะฉุกเฉินตอแหล ยกอ้างขึ้นเพื่อจะเอาเงินมาสร้างกำแพง และการดึงงบประมาณทหารไปใช้สร้างกำแพงที่ไร้ประโยชน์ จะยิ่งทำให้ประเทศอ่อนแอ
อัยการทั่วไปแห่งรัฐนิวยอร์กประกาศปังตามมาว่า จะยื่นคัดค้านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติของลุงทรัมป์ แถมตบหน้าฉาดด้วยการบอกว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติโดยปราศจากเหตุผลทางกฎหมายจะก่อวิกฤติรัฐธรรมนูญ
ยิ่งฟังถ้อยแถลงยิ่งห่อเหี่ยวใจ ลุงทรัมป์คงมีความจำสั้นเหมือนปลาทอง หลงลืมหมดสิ้นว่าตอนหาเสียงก่อนเป็นประธานาธิบดีย้ำทุกรอบว่า จะให้เม็กซิโกเป็นฝ่ายจ่ายเงินสร้างกำแพง เรียกเสียงโห่ร้องชอบอกชอบใจของเหล่าเรดเนคและสมาคมนิยมผิวขาวเหยียดผิวสีอื่นสนั่นประเทศ มานาทีนี้กลับพยายามตบทรัพย์เอาเงินภาษีคนอเมริกามาสร้างกำแพง จะไม่ให้เศร้ายังไงไหว
นอกจากอัยการรัฐนิวยอร์กแล้ว ยังมีอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาดา นิวเม็กซิโก และอีกหลายรัฐ ดาหน้าฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์ ตามมาด้วยกลุ่มองค์กรไม่แสวงหากำไร "พับลิก ซิติเซ็นต์" (Public Citizen) ยื่นฟ้องในนามของกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ และเจ้าของที่ดิน 3 ราย ในรัฐเท็กซัส ซึ่งได้รับแจ้งจากทางรัฐบาลว่า จะมีการสร้างกำแพงส่วนหนึ่งบนที่ดินของพวกตน ยังไม่หมดเท่านี้ พื้นที่ที่จะสร้างกำแพงพาดผ่านแผ่นดินอินเดียนแดง และแน่นอนว่าอินเดียนแดงไม่ยินยอมให้สร้างร้อยเปอร์เซนต์
นาทีนี้ปี่กลองฉิ่งฉับขยับรัว สร้างความตื่นตระหนกให้พลเมืองอเมริกันที่ไม่ได้มีผิวขาวผ่องเป็นยองใย อย่างอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกหรือเอเซียนผิวคล้ำให้จับตามองเกมนี้อย่างไม่กระพริบตา เพราะหากทรัมป์ทำสำเร็จ เท่ากับว่าสร้างความฮึกเหิมให้กลุ่ม “คลั่งขาว” และพวกเหยียดผิว ซึ่งนับวันเริ่มแสดงตัวให้เห็นชัดขึ้นทุกขณะหลังจากที่กบดานเงียบไม่แสดงตัวมาเป็นเวลานานภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ การไล่ล่าและการเหยียดผิว แบบ KKK ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นในสังคมอเมริกา ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้กลายเป็นเช่นนั้นเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี