อาทิตย์นี้มีเรื่องเล่ามากมายจนไม่รู้ว่าจะหยิบเรื่องไหนมาเล่าสู่กันฟังดี หากจะเล่าข่าวใหญ่คงเป็นข่าวที่รัฐ 16 รัฐฟ้องร้องตาลุงผมเป๋ ซึ่งผลจะหมู่หรือจ่าคงต้องตามผลกันต่อไปแต่ลุงทรัมป์คงอ่วมอรทัยไม่ใช่น้อย
นอกจากเรื่องนี้แล้วมีอีกเรื่องที่กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ นั่นคือครูอเมริกันแจ้งตำรวจให้มาจับนักเรียนของตัวเองด้วยข้อหาประหลาดว่า “นักเรียนรายนี้ไม่ยอมร้องเพลงชาติ”
อ่านข่าวแล้วถึงกับตบอกผางภาพลิเบอรัลไทยกระเด้งออกมาในความคิดทันทีเห็นว่า หลายคนไม่ยอมยืนแสดงความเคารพต่อเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติ ด้วยเหตุผลที่ยกมาอ้างต่างๆ นานา โดยหลักใหญ่ใจความคืออ้างสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลคนเหล่านี้คงท่องมาแค่บางส่วน โดยจงใจละเลยบางส่วนไปนั่งคือสิทธิเสรีภาพต้องควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมทุกประเทศมีวัฒนธรรมอันเป็นกรอบทางความคิดร่วมกันของคนในสังคมผ่านการขัดเกลากระบวนคิดต่อเนื่องยาวนาน จนกลายเป็นบรรทัดฐานวกกลับมาที่อเมริกาความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือเด็กนักเรียนที่หาญเปรี้ยวใส่กฎระเบียบโรงเรียนอายุแค่ 11 ขวบเท่านั้น และเป็นเด็กผิวดำแอฟริกัน-อเมริกันครูสาวในโรงเรียนลอว์ตัน ไชลส์ มิดเดิล อคาเดมี รัฐฟลอริดาโทรเรียกตำรวจมาจับเด็กนักเรียนชายวัย 11 ขวบเพราะนักเรียนคนนี้ไม่ยอมยืนตรงเคารพธงชาติ
โดยให้เหตุผลว่า การเคารพธงชาติเป็นการเหยียดผิวและเพลงชาติมีเนื้อหาที่เต็มไปด้วยการดูหมิ่นแอฟริกันอเมริกันเอ้า..เจอแบบนี้หนักกว่าลิเบอรัลไทยอีกเลยกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในโซเชียลมีเดียว่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอะไรและจบลงอย่างไร ตามเนื้อข่าวเมื่อครูอเมริกันถามนักเรียนว่า“ทำไมจึงไม่ไปอยู่ที่อื่น หากว่าที่นี่เลวร้ายเกินทน”คำถามแบบนี้ฟังดูคุ้นๆ หูอีกแล้ว แต่เด็กก็สวนกลับไปทันควันว่า“พวกเขา (หมายถึงคนผิวขาว) นำผมมาที่นี่ ”เดี๋ยวนะ..ไอ้หนู สงสัยพ่อแม่เปิดหนังเรื่อง “รูทส์” ให้ดูตั้งแต่เกิดเลยล่ะมั้ง คือตอบเอาจริงเอาจังไปมั้ยน่ะแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที เมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วประเทศความเห็นของฝรั่งอั้งม้อจะออกไปในแนวว่า พ่อแม่เด็กเสี้ยมให้ลูกเกลียดชังทุกสิ่งทุกอย่างในอเมริกาหลายคนมองว่า ครูทำเกินกว่าเหตุเพราะเรื่องแค่นี้ไม่น่าต้องโทรเรียกตำรวจมาจับเด็กที่มีอายุแค่ 11 ขวบ เลยแต่ควรใช้หลักความเมตตาอบรมสั่งสอนดีๆ ซึ่งครูสาวส่ายหน้าท่าเดียวเพราะนอกจากพูดจาท้าทายแล้วเด็กชายคนนี้ ยังมีอาการต่อต้านทุกคนอย่างชัดเจน เช่นขู่ทำร้ายครูและไม่ยอมออกจากห้องเรียนไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เด็กผิวสีรายนี้ก็ถูกส่งไปสถานสงเคราะห์สำหรับเยาวชน หรือเทียบง่ายๆคือบ้านเมตตาบ้านกรุณาของเราอะไรทำนองนั้น
นั่นแหละโฆษกของเขตการศึกษาโพล์ค เคาน์ตี พับลิก สกูลส์แถลงการณ์ว่าเด็กชายถูกจับเพราะทำให้ระบบของโรงเรียนยุ่งเหยิงและปฎิเสธที่จะทำตามคำสั่งโรงเรียนไม่ได้ถูกจับเพราะไม่ยอมทำความเคารพธงชาติ หากจะถามว่าการที่เด็กไม่เคารพธงชาติมีความผิดไหมถ้ายึดตามตัวบทกฎหมายคงต้องตอบว่าไม่ผิด เพราะในกฎหมายพลเมืองสหรัฐฯว่าด้วยบทข้อแก้ไขที่ 1 ที่เรียกว่า The First Amendment ห้ามโรงเรียนบังคับให้เด็กนักเรียนต้องกล่าวปฎิญาณต่อธงชาติสหรัฐฯ หรือเคารพธงชาติ แต่ในความเป็นจริงเคยเกิดคดีอื้อฉาวที่ครูโรงเรียนมัธยมคนหนึ่ง ใช้ด้ามธงชี้กระดานดำประกอบการสอน ผลคือครูคนนั้นถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันที
เด็กผิวสีอ้างว่าไม่อยากร้องเพลงชาติและเคารพธงชาติเพราะเป็นเรื่องการเหยียดผิว ซึ่งก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ เพราะเนื้อหาเพลงชาติอเมริกาที่เรียกว่า "เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์" หรือแปลง่ายๆ ว่าธงดาราประดับมีที่มาจากบทกวี Defence of Fort M'Henry หรือการพิทักษ์ป้อมแมคเฮนรี่แต่งโดยฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ ผู้เป็นทั้งทนายและกวีแรงบันดาลใจนั้นมาจากธงชาติอเมริกาสะพัดเหนือป้อมเมื่อฝ่ายอเมริกันได้ชัยชนะ ในยุทธการบัลติมอร์ ปี ค.ศ.1812 ต่อมานำมาทำเป็นเพลงชาติและใช้ชื่อว่า"เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์"บทกวีบางตอน มีคำว่า "the hireling and slave" อันหมายถึงพวกรับจ้างและทาส
จึงทำให้มีคนเดาความหมายของวลีนี้ไปต่างๆ นานาน่าเสียดายที่กวีเสียชีวิตโดยไม่ได้อธิบายความหมายในบทกวีศาสตราจารย์ชาวอเมริกันคนหนึ่งให้เหตุผลว่า คำทั้งสองใช้เพื่อดูถูกศัตรูอังกฤษในสงครามปี ค.ศ. 1812 ไม่ใช่ยกย่องการมีทาสประมวลกฎหมายสหรัฐอเมริกา ลักษณะ 36 มาตรา 301 กำหนดว่าเมื่อมีการบรรเลงเพลงชาติประกอบการชักธงหรือการแสดงธงให้ทุกคนยกเว้นผู้อยู่ในเครื่องแบบยืนตัวตรงหันหน้าไปทางธงโดยวางมือขวาไว้ที่หัวใจ
ชายที่ไม่อยู่ในเครื่องแบบและมีหมวกพึงถอดหมวกด้วยมือขวาวางหมวกที่ไหล่ซ้าย โดยมีมือขวาวางที่หัวใจส่วนบุคคลที่อยู่ในเครื่องแบบพึงแสดงวันทยหัตถ์แบบทหารเมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติและให้อยู่ในท่านั้นจนเพลงจบ และถ้าไม่มีธงแสดงให้ทุกคนหันหน้าไปทางเสียงดนตรีและประพฤติเช่นเดียวกับเหมือนมีธงแต่กฎหมายอเมริกาไม่มีบทลงโทษ เมื่อไม่ทำตามภายใต้การตีความการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญข้อแรกแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งป้องกันเสรีภาพการนับถือศาสนา เสรีภาพการพูดเสรีภาพในการพิมพ์หนังสือ เสรีภาพในการประชุมอย่างสันติภาพหรือเสรีภาพในการร้องทุกข์ต่อรัฐบาลปัจจุบัน ธงต้นแบบอยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนในวอชิงตันดีซีดิฉันมีโอกาสได้ไปนั่งในห้องเก็บธงผืนนี้ และได้เห็นกับตาว่าท่ามกลางห้องที่ปรับแสงให้สลัวเพื่อรักษาสภาพผืนธงคนอเมริกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างเดินเรียงแถวมาดูธงอย่างแสดงความเครพ ส่วนมากแล้วเอามือแตะหัวใจแล้วร้องเพลงชาติกันทั้งนั้นบางคนร้องเพลงชาติพลางน้ำตาไหลพรากๆ
บางทีก็นึกอยากให้พวกชนชังชาติที่ชอบอ้างโน่นนี่ในการดูถูกชาติตัวเองแล้วนำอเมริกาเป็นต้นแบบได้มาเห็นจริงๆ การที่เด็กผิวสีคนหนึ่งไม่ยอมแสดงความเคารพโดยอ้างว่าเพลงชาติมีเนื้อหาแสดงการเหยียดผิวเหมือนการที่พ่อแม่นำความจริงบางส่วนมาสร้างความจงชังในใจเด็ก เช่นเดียวกับการนำความจริงบางด้านหรือนำความจริงเพียงครึ่งเดียวมาเสี้ยมให้คนรุ่นใหม่เกิดความเกลียดชังความเป็นชาติ กรณีนี้ความผิดตกอยู่กับพ่อแม่และครูครูก็ยึดตามขนบปฎิบัติเกินไปจนไม่ยืดหยุ่น และขาดเมตตาส่วนพ่อแม่ก็ยัดเยียดความชังชาติให้ลูกตั้งแต่เด็ก
.........................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี