กลายเป็นเรื่องเป็นราววิพากษ์วิจารณ์สนั่นสังคมไทย กับกรณีนักการเมืองระดับไพร่หมื่นล้านไร้สามัญสำนึกดึงคนต่างชาติโดยอุปโลกน์หลอกลวงสังคมไทยและคนไทยว่าเป็นนักการทูตจาก 12 ประเทศผู้เจริญแล้วทั้งที่จากการตรวจสอบแล้วกลับพบว่าคนเหล่านั้นเป็นแค่เจ้าหน้าที่ระดับล่างแค่เสมียนประจำสถานทูตเท่านั้น
#ตลกอ่ะ #อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอ
ตัวตลกอุปโลกน์เหล่านี้ถูกดึงมาเล่นเกมเพื่อสังเกตการณ์การดำเนินคดีนายธนาทร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อชุดที่ 25 ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งถูกพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา 3 ข้อหาในคดีกระทำความผิดมาตรา 116 (2) และ(3) ตามบทบัญญัติในป.อาญา กรณียุยงปลุกปั่น เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
กับข้อหาช่วยผู้อื่นซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด หรือ เป็นผู้ต้องหาว่า กระทำความผิดอันไม่ใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดๆเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้ง 2 ข้อหานั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ตามคำร้องทุกข์กล่าวโทษของ “พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ” นายทหารปฏิบัติการประจำ บก.ทบ. ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมี “พันตำรวจเอกทรงสิทธิ์ จงอิทธิ” รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เป็นเจ้าของคดี
ซึ่งครั้งนั้นพันเอกบุรินทร์ให้ปากคำในการร้องเรียนไว้ว่า นายรังสิมันต์ โรม กับพวกราว 20 คนไปรวมตัวชุมนุมทำกิจกรรมหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครจากนั้นต่อมาได้มารวมตัวชุมนุมปิดล้อมสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารออกดำเนินการจับกุมผู้ชุมนุทมซึ่งกระทำความผิด แต่ปรากฏว่านายรังสิมันต์ ได้วิ่งหนีการจับกุมไปขึ้นรถตู้ที่มารอรับไป ทำให้รอดพ้นการถูกจับกุม ต่อมาได้นำทะเบียนรถตู้ดังกล่าวไปตรวจสอบพบว่า รถตู้คันดังกล่าวมีชื่อนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นเจ้าของ พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกให้นางสมพรมาพบเพื่อให้ปากคำ ซึ่งนางสมพรได้ส่งทนายความมาติดต่อให้ข้อมูล 1 ครั้ง และไม่ได้มีการออกหมายเรียกนางสมพรอีก ขณะที่นายธนาทร ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้usernameว่า “Thanathorn Juangroongruangkit” ระบุในช่วงหนึ่งว่า ในวันเกิดเหตุนั้น ผมอยู่ที่หน้าสน. ปทุมวันในช่วงเย็นของวันที่ ๒๔ มิถุนายน แต่ผมไปในฐานะที่ผมเชื่อว่าเป็นฐานะที่สำคัญที่สุดของผม
ซึ่งมิใช่ในฐานะ “นายทุน”
แต่คือในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีสิทธิและอิสระในความคิดและความเชื่อของตนเอง
ผมเชื่อว่าพวกเขากระทำในสิ่งซึ่งเป็นคุณต่อสังคมในระยะยาว ดังนั้นผมจึงไปให้กำลังใจเขาเมื่อพวกเขาเสี่ยงต่อการถูกจับกุมด้วยกฎหมายอธรรมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่พึงมีให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมไม่มีส่วนในการกำหนดการเคลื่อนไหวของพวกเขาแม้เพียงน้อยและไม่มีความประสงค์จะทำเช่นนั้น และหากต่อให้ผมมีความประสงค์เช่นนั้นจริงก็คงจะล้มเหลว เพราะกลุ่มบุคคลที่มีหัวใจแข็งแกร่งปานหินผาเยี่ยงนั้น ย่อมไม่ให้ใครจูงจมูกได้ง่าย
หากสิทธิอันชอบธรรมในการแสดงออกซึ่งความคิดความเชื่อและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกพรากจากพวกเขาไปเพียงเพราะพวกเขามีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากผู้มีอำนาจจากการทำรัฐประหาร นั่นย่อมเสมือนสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผมถูกพรากไปเช่นกัน
ประชาธิปไตย!
สิทธิมนุษยชน!
ความยุติธรรม!
การมีส่วนร่วม!
สันติวิธี!
เผด็จการจงพินาศไป
ประชาธิปไตยจงเจริญ
นั่นคือ สำบัด สำนวนที่สวยหรูหอมกรุ่นอบอวลไปด้วยแสงแห่งประชาธิปไตย แสงแห่งเสรีและเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ประดุจนกพิราบขาว มันจึงเกิดข้อสงสัย เกิดประเด็นคำถามว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเพิ่งมาออกหมายเรียกเมื่อ 4 ปีผ่านไป เมื่อผ่านการเลือกตั้งได้ราว 7 วัน 10 วันเยี่ยงนี้
ฤา เป็นเกมการเมืองที่ต้องการเขี่ยไพร่หมื่นล้านที่เคยต้องมนตราทฤษฎี “คาร์ล มากซ์”และ “วลาดีมีร์ เลนิน” จนกระทั่งมีการกล่าวขานว่าเขาเป็น “แอ็กติวิสต์ซ้ายจัด” และเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมปฏิบัติการ “จากลานโพธิ์ถึงภูพาน” ในปี 2519 ไพร่หมื่นล้าน ที่ประกาศว่าตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และผลัดไสผู้อื่นๆที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองว่าเป็นฝ่ายเผด็จการและผู้สืบทอดอำนาจคสช. ให้พ้นการเมือง
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาชี้แจงเหตุที่มีการดำเนินการล่าช้า จนเพิ่งจะออกหมายเรียกนายธนาทรช่วงเวลานี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เนื่องจากต้องเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนที่ถูกโยกย้ายตามฤดูกาลโยกย้ายประจำปีบ้างเกษียณอายุราชการบ้าง คดีนี้คิดว่าคงไม่ตัดสินคดีก่อนวันที่ 9 พฤษภาคมนี้แน่นอน
การแจ้งข้อหาคดี มาตรา 116 และมาตรา 189 แก่นายธนาธรในครั้งนี้ ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องหา "คดีอาญา" เป็นคดีที่ 2 ในชีวิต หลังก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับพวกรวม 3 คน ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกระทำผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) จากกรณีวิจารณ์ "พลังดูดของ คสช." ผ่านการจัดเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2561 โดยฝ่ายกฎหมาย คสช. เห็นว่าเป็นการ "พาดพิงและกล่าวหา คสช." และ "โจมตีกระบวนการยุติธรรม" โดยต้องระวางโทษสูงสุดคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สถานะของคดีคือรออัยการสั่งคดี
ทว่า นายธนาทร กลับพยายามอย่างมากมายที่จะให้ชาติตะวันตกที่เป็นกลุ่มทุนนิยมเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทยตั้งแต่เริ่มต้น(ตั้งแต่ให้ปากคำพนักงานสอบสวน) โดยติดต่อสถานเอกอัครราชทูต 12 ประเทศให้มาร่วมสังเกตการณ์ฟังการให้ปากคำและการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมไทย
นายธนาทรบอกกับสังคมไทยว่า ทูตประเทศตะวันตกเอเชียและองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจในคดีของตน โดยมี 12 ประเทศตอบรับที่จะส่งเจ้าหน้าที่ทูตเข้าร่วมสังเกตการณ์ เป็นเหตุให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องออกมาปรามนักการทูตเหล่านั้นว่ากำลังแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย และเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่งกับกรณีดังกล่าวนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อมีการตรวจสอบสถานะของบุคลากรเหล่านั้นปรากฏว่าไม่ใช่ตัวแทนนักการทูต ไม่ใช่นักการทูตหรือเอกอัครราชทูตแต่อย่างใด แค่บุคลากรกำมะลอเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตระดับเสมียนที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาหลอกลวงสังคมไทยด้วยความจงใจหรือไม่ก็ตาม
มันคือภาพของ นายสมพงษ์ เลือดทหาร ภาพของ นายนาธาน โอมาน หรือ/และภาพของ นายพีท แผงแตกหรือนายธนวรรธ์ คำแหงพล พ่อค้าหวยสมุทรสาครที่แต่งเรื่องลูกค้าถูกหวย 30 ล้านบาท โดยที่ลูกค้าซื้อผ่านทางไลน์เมื่อตนเองทราบก็เลยนำเอาสลากกินแบ่งตัวจริงไปให้กว่าจะทราบว่าเป็นสลากปลอมตัดต่อเล่นเอาสื่อทุกแขนงปวดเศียรเวียนเกล้ากันพอสมควร
หรือ นายธนาทร อาจสมมติตัวเองว่าเป็น “แฟรง อบาเนล” จอมลวงโลก ชนิดเซียนเหยียบเมฆก็ได้
แฟรง อบาเนลคือใคร
ผมขออนุญาตเล่าประวัติไว้เป็นอุทธาหรณ์ในสังคมไทยสักนิด “แฟรงก์ อบาเนล” อดีตนักต้มตุ๋นบันลือโลก ที่ใช้ความฉลาดปราดเปรื่องในระดับอัจฉริยะไปในที่ผิด ด้วยการเนียนเข้าไปในวงการอาชีพต่างๆ อย่างหลากหลาย อาทิ ผู้ช่วยนักบิน , หมอ , ทนายความ และอาจารย์มหาวิทยาลัย ฯลฯ ทั้งที่ไม่เคยผ่านการศึกษาจากสถาบันที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพเหล่านี้เลย อบาเนลก่อคดีใน 26 ประเทศทั่วโลก เป็นหนึ่งในอาชญากรที่ ... เอฟบีไอต้องการตัวมากที่สุด และที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักต้มตุ๋น เมื่ออายุเพียง 16 ปี จากเด็กบ้านแตก สู่การเป็นนักต้มตุ๋น
แฟรงก์ อบาเนล มีชื่อเต็มว่า แฟรงก์ วิลเลียม อบาเนล จูเนียร์ เกิดในครอบครัวฐานะปานกลางที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) ขณะอายุ 16 ปี เขาก็ต้องประสบกับเหตุการณ์ที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนของชีวิต เมื่อพ่อแม่หย่าร้างกัน ทำให้อบาเนลตัดสินใจหนีออกจากบ้าน พร้อมเงินติดตัวเพียง 200 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้วยจำนวนเงินที่น้อยนิด จึงไม่เพียงพอในการยังชีพ แต่จากการเป็นนักสังเกต มีปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศ ทำให้เขาพบช่องโหว่ในระบบการเงินของธนาคาร ที่ในเวลานั้นเทคโนโลยีการตรวจสอบยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าใดนัก
เขาจึงเสี่ยงทำเช็คปลอมขึ้นมา ในเวลาที่นำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ก็จะแต่งตัวอย่างภูมิฐาน น่าเชื่อถือ และขณะที่พนักงานกำลังตรวจสอบรายละเอียดบนเช็ค เขาจะชวนสนทนาในเรื่องต่างๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้อบาเนลสามารถโกยเงินจากวิธีนี้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ได้ถึง 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ที่สุดของความเป็นอัจฉริยะก็ต้องกลายเป็นจอมลวงโลกให้โลกได้รับรู้อย่างหนีไม่พ้น
นายธนาทร หลอกตัวเองและสังคมว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็นนักประชาธิปไตย ทั้งที่จริงแล้วพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้เป็นเยี่ยงนั้นเลยการไม่เคารพอำนาจอฺธิปไตย อันเป็นอำนาจสูงสุดที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ปกครองประเทศและดูแลอนาประชาราษฎร์ผ่านรัฐสภา ,รัฐบาล, ตุลาการ โดยเฉพาะการชักชวนการดึงบุคลากรภายนอกเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทย จึงไม่ใช่เรื่องที่นักประชาธิปไตยเขากระทำกัน หากแต่ต้องให้ความเคารพยำเกรงถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เรื่องราวของจอมลวงโลกไม่น่าจะจบลงแค่นี้
ยังมีอีกหลายกรณีที่นายธนาทรจะต้องย่างก้าว อยู่ที่เขาเลือกจะเป็นจอมลวงโลก จอมตบตาสังคมไทยแค่ไหนเท่านั้น ลองไปตามอ่านในสิ่งที่ อจ.จักร พันธุ์ชูเพชร นักวิชาการ จาก มหาวิทยาลัยนเรศวรเขียนถึงนายธนาทรได้อย่างจับจิตจับใจทีดียว
รับช่วงมาร
โลกล้อมประเทศ แท้ก็คือ ปลุกเปรตมาล้อมบ้าน
เปิดประตูให้เปรตบุกมารุกราน ช่วยล้างผลาญช่วยงานตน ปล้นแผ่นดิน
เอาตีนบี้ ขยี้ชาติ ตวาดขู่ ดึงศัตรูดึงคู่ขัดตวัดปลิ้น
มาสุมร่วมรวมหัวฟัดเพื่อกัดกิน เย้ยหยามหมิ่นกระทืบทรุดยุติธรรม
ทำปากกล้าแต่หน้าเหี่ยวเยี่ยวแทบแตก ที่ยืนแหกปากกล้าหน้าแทบคว่ำ
ใช้ฝูงชนปิดชั่วตัวระยำ วาทกรรมเบือนบิดปิดสันดาน
สร้าง "ภาพใหม่" สุดท้ายร้ายกว่าเก่า เน่าสุดเน่าเก่าแปลงร่างพรางแก่นสาร
ในร่างใหม่คือชั่วเก่า "อวตาร" มันคือมารรับช่วงต่อจากพ่อมัน
วรพจน์ แสนประเสริฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี