กลายเป็นเรื่องราวที่มากมายความคิดเห็นทันทีหลังจากที่ ลุงฉุน-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ออกมาแนะนำให้ประชาชนหาหนังสือเรื่อง “Animal Farm” ฉบับภาษาไทยซึ่งเป็นนวนิยายสั้นเชิงอุปมานิทัศน์ที่เขียนโดย จอร์จ ออร์เวลล์ มาอ่านเพื่อเสริมสร้างปัญญา
ทำเอานักการเมืองรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ได้กระดี๊กะด๊าออกมาโชว์วิสัยทัศน์โจมตีลุงฉุนกันสนุกสนาน ด้วยอ้างกันว่าหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนต้องการเสียดสีเผด็จการ - สะท้อนเหตุการณ์ปฏิวัตรัสเซียและการครองอำนาจของสตาลิน โดยนวนิยายแอนิมอลฟาร์ม ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ให้เป็นหนึ่งในนิยายภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด 100 เรื่อง ระหว่างปี พ.ศ. 2466 - 2548 และอยู่ในอันดับที่ 31 ของรายชื่อนิยายที่ดีที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของสำนักพิมพ์มอเดิร์นไลบรารี นอกจากนี้ยังได้รับการดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ จำนวนมาก
นวนิยายเล่มนี้ถูกแปลเป็นภาษาไทยมากว่า 10 ครั้งแล้ว “ไม้หน้าสาม”เคยนำนวนิยายเรื่องนี้มาเขียนเตือนสติสังคมไทยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธุ์ พ.ศ. 2561 (เดรัจฉาน - นักการเมือง)ครั้งนั้นเริ่มเรื่องมาจากกรณี”หมุดคณะราษฎร”ที่ฝังไว้บริเวณลานพระราชวังดุสิตหาย โดยนักวิชาเกินบางคนประสานเสียงหอนกับนักการเมืองบางกลุ่มที่เคยขึ้นเวทีปลุกระดมเรียกร้องให้มวลชนคนรากหญ้าถือขวดมาคนละใบ แล้วบรรจุน้ำมันมาในขวดเพื่อจุดไฟเผาให้กรุงเทพเป็นทะเลเพลิง รวมทั้งเผาที่ว่าการจังหวัดในต่างจังหวัด โดยไม่ต้องห่วงว่าจะต้องถูกดำเนินคดี เพราะมัน(สัตว์กินซาก)จะรับผิดชอบเอง คนพวกนี้แหละที่กล่าวหาว่าหมุดที่หายไปเป็นฝีมือของทหารที่เข้ามายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือน
โดยที่ไม่ได้กล่าวให้จบว่า ไอ้คนที่ประชาชนเลือกเข้ามาบริหารประเทศที่ถูกทหารถูกกองทัพยึดอำนาจนั้น มันโคตรโกงทุจริตคอร์รัปชั่น จนเศรษฐกิจประเทศเกิดความเสียหาย พอถูกจับได้ไล่ทันมันก็หลบหนีมุดรูนั้นรูนี้ไปอยู่ใต้อุ้งต่างชาติ ไม่ได้ดูดำดูดีเยียวยาความเสียหายหรือมิได้คิดที่จะดำเนินการทางกฎหมายใดใดในเรื่องนี้แม้แต่น้อย แถมยังตอแหลต่อไปอีกว่า หลังจากหมุดคณะราษฎร์หายไปแล้ว ต่อจากนี้กองทัพจะสั่งทุบทิ้งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปจนถึงขั้นทุบทิ้งสะพานปรีดี พนมยงค์ที่พระนครศรีอยุธยาด้วยซ้ำ รวมทั้งอนุสาวรีย์ท่านปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เพราะท่านเป็นผู้ที่มีคุโณปการ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เป็นที่เคารพบูชาของคนทั่วแผ่นดินมิใช่แค่ลูกแม่โดมเท่านั้น
อ้ายนักการเมืองพวกนี้แหละที่โหยหาการเลือกตั้ง เห่าหอนถึงระบอบประชาธิปไตยและความเท่าเทียมกันในสังคม แต่พวกมันก็หลอกลวงพาประชาชนคนรากหญ้ามาล้มเจ็บล้มตายหลายต่อหลายครั้งแล้วยกความผิดนั้นให้แก่ฝ่ายตรงข้าม ในเวลาเดียวกัน พวกมันเหล่าสัมภเวสี-สัตว์กินซากกลับสนับสนุนทุนสามานย์ให้เข้ามากระทำทุจริตเชิงนโยบาย สนับสนุนทรราชย์ให้ทุจริตโกงกินบ้านเมืองสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดเผด็จการรัฐสภาสืบทอดอำนาจจากรุ่นสู่รุ่นจนจากญาติสู่ญาติ
ข้อเขียนของผมในครั้งนั้นเหตุเพราะศึกษาการเมืองในยุคทมิฬภายใต้การบริหารประเทศของคนในกองทัพลักษณะญาติสู่ญาติ ถนอม-ประภาส-ณรงค์ ที่เริ่มมีสัตว์เดรัจฉานเข้ามายั๊วเยี้ยในการเมืองไทย ต่อมาจนถึงยุคเกรียนสุนัขจากพรรคสยามใหม่ที่แหกคอกทั้ง “เปรม มาลากุล –สม วาสนา และเติม สืบพันธุ์” จนต้องมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ กระทั่งมาในปี2535 ก็เกิดเดรัจฉาน-นักการเมืองขึ้นมาเพิ่มอีกนั่นคือ “งูเห่า” จนได้ นายชวน หลีกภัย ส.ส.10 สมัยในขณะนั้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เรื่อยมาจนถึงยุคกังฉินทุจริตโกงบ้านโกงเมือง จนถูกศาลพิพากษาจำคุกก่อนหนีไปอยู่ต่างประเทศ สัตว์เลื้อยคลานก็เริ่มถูกโยงมาเกี่ยวข้องกับนักการเมืองเพิ่มขึ้น ทั้งสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ตัวเงินตัวทอง กระทั่งถึงวรนุส!!
ว่ากันตามความเป็นจริงแล้วสัตว์เดรัจฉานอยู่คู่กับนักการเมืองมานานนับ 100 ปีก่อนพุทธกาลด้วยซ้ำ เริ่มจากนักปรัชญาเมธีตะวันตกผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดทั้ง 3 คนเป็นผู้วางรากฐานทางความคิดทฤษฏีการเมืองตะวันตกทั้ง 3 คนคือ โซเครติส Socrates (469-399 BC คือก่อนคริสตกาล469-399 ปี) ครูของเพลโต Plato (427-347 BC) ผู้เป็นครูของอริสโตเติล Aristotle (384-322 BC) ประกาศว่า Man by nature is political animal : มนุษย์ตามธรรมชาตินั้นเป็นสัตว์การเมือง ส่วนสุนัขนั้น ทางการเมืองเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักกันก็คือ สุนัข 3 ตัวในนวนิยายบันลือโลกของ George Orwell (1903 -1950) ชื่อ Animal Farm หรือเมืองเดรัจฉาน
Orwell มีจินตนาการเยี่ยมสามารถมองทะลุอนาคต เขาเขียนนิยายเรื่องนี้ในปี 2486(ค.ศ.1943) และมีการตีพิมพ์ในเดือนสิงหาคม ปี2488 (1945) ดังทั้งโลกอีก ซึ่งขณะนั้นสหราชอาณาจักรกำลังเป็นพันธมิตรกับสหภาพโซเวียต-รัสเซียในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งคนอังกฤษส่วนใหญ่ต่างยกย่องชื่นชมสตาลิน แต่ตัวผู้เขียนคือ จอร์จ ออร์เวลล์กลับมีความคิดเห็นตรงกันข้าม เขาเตือนว่ามนุษย์จะสูญเสียเสรีภาพหมดสิ้น เพราะผู้ปกครองที่ต้องการให้การเมืองนิ่ง ใช้ตาวิทยาศาสตร์ ควบคุมประชาชนทุกคนได้อยู่หมัด หลบไปไหนก็ไม่พ้นสายตาหรือการควบคุมของ Big Brother หรือ ‘นายใหญ่’
จอร์จ ออร์เวลล์ ถึงแก่กรรมเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็อาจได้เห็นนายใหญ่คนหนึ่งประมูลสัตว์การเมืองอย่างหมาๆหรือ สุนัข โคกระบือ วรนุส เข้าคอกไว้ได้เกือบทั้งหมด ใช้การตลาดและสื่อดิจิตอลซื้อและครอบงำควบคุมคนทั้งประเทศจนการเมืองนิ่ง แล้วปล่อยให้พรรคพวกของตนเองลอยชายทำลายกฎหมายและชีวิตคน ตลอดจนโกงทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร
หนังสือเรื่องนี้สะท้อนถึงเหตุการณ์การปฏิวัติรัสเซียและการครองอำนาจของโจเซฟ สตาลิน โดย สามารถตีความโดยนัยได้ว่า
เจ้าของฟาร์มที่ปล่อยปละละเลยสัตว์ คือ พระเจ้าซาร์นิโคลัส กษัตริย์องค์สุดท้ายของรัสเซีย
หมูแก่ที่ฝากข้อความให้สัตว์ปฏิวัติก่อนตาย คือ คาร์ล มากซ์ ผู้วางรากฐานแนวคิดแบบคอมมิวนิสม์
หมูขาว คือ วลาดีมีร์ เลนิน ผู้นำการปฏิวัติ จนขับไล่เจ้าของฟาร์มไปได้ (แต่ในประวัติศาสตร์จริงๆ พรรคบอลเชวิคของเขา สั่งยิงพระเจ้าซาร์และครอบครัวตายทั้งหมด)
หมูดำ คือ โจเซฟ สตาลิน ผู้ใช้นโยบายแบบทหาร รวมอำนาจ รุนแรง รวบอำนาจและยึดทรัพยากรทั้งหมดของประชาชน เข้าเป็นของรัฐทั้งหมด (หมูดำ ขับไล่หมูขาวไปได้ ในประวัติศาสตร์คือ หลังยุคของเลนิน สตาลินไล่กวาดล้างผู้มีตำแหน่งในพรรคที่อยู่ข้างเลนินจนหมด)
สัตว์ทั้งหลาย จะเป็นตัวแทนของประชาชนต่างๆ ที่อยู่ในรัสเซีย
ซึ่งตอนจบของหนังสือก็เหมือนการบอกว่า การปกครองแบบนี้ยังไงก็ไม่ยั่งยืน ทำให้เหล่าสัตว์ทั้งหลายลุกขึ้นมาปฏิวัตินั่นเองหรือจะเรียกว่าลักษณะเยี่ยงนี้
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมืองโดยแท้
ขณะที่รินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติสาขา วรรณศิลป์ มองว่านวนิยายเรื่องนี้เป็นการเสียดสี อำนาจไม่ใช่เสียดสีเผด็จการ โดยโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นไว้ในเพจเฟซบุ๊คส่วนตัวที่ชื่อ วินทร์ เลียววาริณ ว่า เนื้อเรื่องเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่อ่านแล้วเหมือนโดนเฆี่ยนด้วยแส้หนังกลางหลัง โรยด้วยเกลือทะเลและเกลือสินเธาว์อย่างละสองช้อนโต๊ะ
แซ่บแสบและแสบแซ่บ
นี่เป็นหนังสืออะไรกันแน่? ลองอ่านเรื่องย่อก่อน
เหล่าเดรัจฉานการเมือง อย่ารีบสบช่องฉกฉวยตีความข้างเดียว
วรพจน์ แสนประเสริฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี