ใครที่เป็นแฟนนิตยสารต่วยตูนพิเศษ ซึ่งมักนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์และเรื่องลี้ลับต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้ อย่างสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาว คงร้อง “อ๋อ” เมื่อเอ่ยถึงสถานที่หนึ่งในอเมริกาชื่อ “แอเรีย 51”
เรื่องราวของแอเรีย 51 กลายเป็นตำนานเรื่องลึกลับหน้าหนึ่งในโลก สถานที่นี้ถือเป็นสถานที่ปกปิดและเก็บงำความลับมานาน เดือนนี้แอเรีย 51 กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งในอเมริกา เพราะมีการนัดหมายทางเฟซบุ้คทางเพจ “Storm Area 51, They Can’t Stop All of Us” (บุกพื้นที่แอเรีย 51 พวกเขาไม่สามารถหยุดพวกเราได้)
แคมเปญนี้มีคน 1.4 ล้านคนลงชื่อเพื่อเข้าร่วม ส่วนอีก 1.1 ล้านคนแสดงความสนใจ ในเพจนัดแนะว่าจะบุกเข้าไปตอนตีสามวันที่ 20 กรกฎาคม ซึ่งคืออาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าชาวบ้านร้านถิ่นจะมองเรื่องนี้ขำๆ แต่ทางกองทัพกลับไม่ขำดัวย แถมขู่ว่าจะยิงทุกคนที่บุกเข้ามา
ทำไมแอเรีย 51 ถึงกลายเป็นข่าว แม้จะเป็นข่าวเชิงขำๆ ฮาๆ แต่น่าแปลกว่าทางการกลับเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เลยยิ่งทำให้เรื่องราวลึกลับต่างๆ ในแอเรีย 51 แพร่กระจายไปอีกครั้งราวไฟลามทุ่ง
หลายคนที่ไม่ใช่แฟนานุแฟนเรื่องลึกลับอาจจะงงได้ เลยขอเล่าท้าวความนิดหนึ่งว่าแอเรีย 51 คือฐานทัพที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเนวาดา ห่างจากลาสเวกัส 133 กม. เป็นพื้นที่ทะเลทรายกว้างใหญ่ แต่ถือเป็นพื้นที่ทางการทหาร เพื่อพัฒนาทดสอบอากาศยานและระบบอาวุธ
ฐานทัพลับแห่งนี้ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1995 เพื่อใช้เป็นศูนย์ทดสอบเครื่องบินสอดแนม U-2 ที่ถูกพัฒนาหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีจุดประสงค์ไว้ใช้เฝ้าระวังสหภาพโซเวียตยุคสงครามเย็น และไว้ฝึกนักบินหน้าใหม่ การฝึกเป็นไปในเชิงลับ จึงมีการสร้างเรื่องราวปกปิดจุดประสงค์ที่แท้จริงของเครื่องบินลำนี้เอาไว้ว่าเป็นเครื่องบินวิจัยสภาพอากาศ
กองทัพสหรัฐฯใช้ Area 51 เป็นพื้นที่ในการทดสอบเทคโนโยลีทางการทหารที่ยึดมาได้จากฝ่ายศัตรู ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินต่างๆ และอุปกรณ์ทรงอานุภาพอื่นๆ โดยอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ทำการทดสอบก็คือเครื่องบินเจ็ท MiG-21 ของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น เนื่องจากความเข้มงวดด้านการปกปิดความลับของฐานทัพ ทำให้มักถูกตั้งประเด็นว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดในเรื่องยูเอฟโอ
ไอ้ทฤษฎีสมคบคิดที่ว่านี่ มีที่มาจากนักเขียนหญิงรายหนึ่งชื่อแอนนี่ จาคอบเซน เธอเขียนหนังสือจากการสัมภาษณ์และหลักฐานเท่าที่หามาได้ สรุปเนื้อความในหนังสือได้ว่า แอเรีย 51 คือที่ทดลองลับๆ เกี่ยวกับยูเอฟโอของรัฐบาล เนื่องจากมีซากมนุษย์ต่างดาวในครอบครอง และมีตัวอย่างพันธุกรรมของเด็กพิเศษที่ถูกดัดแปลงโดยนักวิทยาศาสตร์นาซี โดยเด็กพิเศษเหล่านั้นเป็นผู้ควบคุมยาน
ประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้แอเรีย 51 ยังคงกำความลับและปริศนาอันหาคำตอบไม่ได้ มาจนทุกวันนี้คือบริเวณรอบนอกนี้เต็มไปด้วยระบบเซ็นเซอร์ ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่เข้มงวดสุดๆ รวมไปถึงระบบการรักษาความปลอดภัยระดับเข้มข้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้บุกรุก
เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง คือในปีค.ศ. 2015 มีผู้พบเห็นการขนย้ายวัตถุทรงประหลาดขนาดใหญ่ คล้ายกับยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวในบริวเณใกล้เคียงกับ Area 51 เลยยิ่งโจษจันกันลั่นอเมริกาว่า สิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร หนักไปกว่านั้น หน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA มีข้อมูลของฐานทัพลับ Area 51 ย้อนหลังไปแค่ปี ค.ศ. 2013 ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีเอกสารหรือข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องเก็บไว้เลย เนื่องจากเกรงว่าการทำงานของฐานทัพลับจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล
แถมประธานาธิบดีทุกคนไม่รู้ข้อมูลเบื้องลึกทั้งหมดเกี่ยวกับฐานทัพลับแห่งนี้เท่าไหร่นัก ยกเว้นในปีค.ศ. 1995 ประธานาธิบดี Bill Clinton ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อทำการปกป้อง Area 51 ให้อยู่เหนือกฏหมายสูงสุด และหลุดพ้นจากการตรวจสอบใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงของชาติ
ด้วยความที่ทุกอย่างเป็นความลับสุดยอด ชาวบ้านชาวช่องเลยยิ่งอยากรู้อยากเห็น ผู้คนจำนวนมากสงสัยว่าจริงๆแล้ว มีอะไรซ่อนอยู่ที่ฐานทัพแห่งนี้ คนกลุ่มหนึ่งออกมารายงานว่า เคยเห็นวัตถุประหลาดลอยอยู่เหนือฐานทัพ ข่าวลือเรื่องมนุษย์ต่างดาวก็ยิ่งแพร่กระพือออกไปไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะเรื่องการเก็บซากมนุษย์ต่างดาวกับซากจานบินที่ตกในเมืองรอสเวล (Roswell) ซึ่งเป็นพื้นที่ทะเลทรายในรัฐนิวเม็กซิโกมาไว้ที่แอเรีย 51 แห่งนี้
ความเห็นของชาวโลกต่อแอเรีย 51 แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกเชื่อตามที่รัฐบาลอเมริกาให้ข้อมูลว่าที่นี่เป็นแค่พื้นที่หนึ่งของฐานทัพอากาศ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งมั่นใจว่าที่นี่แหละคือแหล่งกำความลับเรื่องจานบินและมนุษย์ต่างดาว
ฝ่ายที่เชื่อเรื่องยูเอฟโอมักอ้างการให้สัมภาษณ์ของอดีตเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง คือ บ๊อบ ลาซาร์ ที่อ้างว่าเคยทำงานอยู่ในเขตพื้นที่นี้ในช่วงปี ค.ศ. 1988 – 1989 โดยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษแผนกอากาศยาน
บ๊อบกล่าวอ้างว่าเคยเห็นจานบินขนาดใหญ่ในส่วนที่เรียกว่า เอส-โฟร์ (S-4) ในปาปูส เลค (Papoose Lake) ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงแอเรีย 51 เด็ดไปกว่านั้นคือบอกว่าเคยเห็นมนุษย์ต่างดาวสูงประมาณ 3-4 ฟุต หนักประมาณ 35-50 ปอนด์ มีผิวสีเทาและมีศีรษะใหญ่มาก
ไม่ว่าจะอย่างไร แอเรีย 51 ยังคงเป็นพื้นที่ลึกลับต่อไปจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้ที่เคยทำงานที่นั่นต่างก็เก็บงำลิ้นตัวเองอย่างดี แทบไม่มีการแพร่งพรายใดๆ ออกมา ส่วนคนที่เชื่อเรื่องยูเอฟโอก็แอบซุ่มดูซุ่มศึกษากันต่ออย่างไม่ย่อท้อ
การที่เพจชวนบุกแอเรีย 51 มีคนลงชื่อเกินล้านคนนับว่าไม่ธรรมดา แม้ว่าจะไม่ได้มีการบุกเข้าไปจริง แค่เป็นเรื่องขำๆ แต่น่าแปลกคือเรื่องนี้ทำให้ทางกองทัพร้อนรน ถึงขั้นออกประกาศปังทันทีผ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ว่า อย่าได้บุกเข้ามา เพราะทางเจ้าหน้าที่จะใช้อาวุธร้ายแรงตอบโต้ เลยยิ่งทำให้ความลับที่เป็นปริศนาอยู่แล้วยิ่งทวีความน่าสงสัยเข้าไปใหญ่
เลือกเขียนถึงแอเรีย 21 เพราะอยากสลับฉากการเมืองอเมริกันด้วยเรื่องเบาๆ อ่านสบายๆบ้าง ดูเหมือนว่าโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่เว้นทุกภูมิภาค จึงอยากคั่นรายการด้วยเรื่องแนวสีสันบันเทิงมาเล่าสู่กันฟัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี