กลายเป็น “ทอล์คออฟเดอะทาวน์” ฮิตติดอันดับต้นๆของสังคมไทยมาตั้งแต่ 25มิถุนายน2562 เมื่อครั้งแม่ทัพน้อยก๊วนอนาคตใหม่ “ปิยะบุตร แสงกนกกุล” คนนั่งเลขาธิการก๊วนขึ้นอภิปรายความไม่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อองค์พระมหากษัตริย์ ตามบทบัญญัติมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ
ล่าสุด”เจ๊ดัดจริต-หญิงหน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์” ก็ออกมาแสดงความเห็น และข้อแนะนำให้พลเอกประยุทธ์ออกมาขอโทษประชาชน และขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระเจ้าอยู่หัวในการกระทำมิบังควรจนเกิดความผิดพลาดจากการกล่าวคำถวายสัตย์ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด
เจ๊ดัดจริตโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยติด #ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เหน็บแนมว่า เป็นคำพูดที่ดี แต่การกระทำก็ควรจะต้องดี ให้สอดคล้องกับคำพูดและระบายความยอกย้อนไปเรื่องเดิมๆคือการยึดอำนาจ รัฐประหาร ที่เป็นการยึดอำนาจเจ้านายตนเอง ก่อนจะแวะเวียนวกวนมาที่ประเด็นการนำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ทั้งระบุหนักแน่นว่า
1.กระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ที่รับผิดชอบเรื่องกฎหมายของรัฐบาล ควรจะหาทางแก้ไขโดยเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะ บริหารราชการแผ่นดินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีการแก้ไขเพราะหากการปฏิญาณตนไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว จะถือว่า ครม.ทั้งคณะปฏิบัติตน ขัดต่อฉันทามติของประชาชนทั้งประเทศ ที่ออกไปโหวตผ่านรัฐธรรมนูญนี้
น่าสนใจและน่ารับฟังคำตักเตือนติติงนี้เป็นอย่างมาก ของผู้อาวุโสทางการเมืองที่ทำหน้าที่เสนาบดีในรัฐบาลที่ประพฤติมิชอบ ทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬารมาถึงสองรัฐบาล โดยที่ผู้นำรัฐบาลทั้งสองยุคหนีไปซุกอุ้งคนยุโรป โดยไม่ได้ใส่ใจที่จะช่วยเรียกร้องความเสียหายนั้นชดใช้คืนแก่ประเทศชาติ
2. เป็นการกระทำการมิบังควรต่อหน้าพระพักตร์ ซึ่งควรจะต้องรีบดำเนินการแก้ไขในทันที ไม่ใช่ดึงเวลาเพื่อเช็คกระแสสังคมเรื่องนี้ควรดำเนินการ ขอพระราชทานอภัยโทษโดยเร็วที่สุด ตั้งแต่เริ่มแรกที่รู้ตัวว่ามีความผิดพลาด การขอพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นพระราชอำนาจ ซึ่งเมื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างไรแล้ว พสกนิกรทุกคนต้องน้อมรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม ขอย้ำว่าเรื่องนี้ ถือเป็นสามัญสำนึกของคนไทยทุกคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ควรดำเนินการทันที โดยไม่ชักช้าประวิงเวลา
นี่ก็มีเหตุมีผล มีตรรกะที่รับฟังและนำมาใคร่ครวญและปฏิบัติได้
“ไม้หน้าสาม”เห็นด้วยและเห็นความสง่างามในการเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสทางการเมืองสมควรแนะนำ
ทว่า “ไม้หน้าสาม”ถึงกับอึ้งและบอกไม่ถูกว่าควรดำเนินการอย่างไรกับตรรกกะของหญิงหน่อยในเรื่องนี้ เพราะครั้งหนึ่งให้ค่อยๆนึกย้อนไปดูเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2560 ก่อนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙
ครั้งนั้นเป็นการการร่วมถวายต้นดอกดาวเรืองต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ 9 ซุ้มตลอดแนวถนนลาดปลาเค้า เพื่อถวายเป็นราชสักการะเนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แต่ปรากฏว่าในการทำกิจกรรมวันนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ฉวยโอกาสใช้วิธีขึ้นรถแห่ปราศรัยเชิญชวนชาวลาดปลาเค้าเหมือนกับนักการเมืองที่ทำกันในช่วงเวลาหาเสียงทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าวพสกนิกรชาวไทยยังอยู่ในช่วงเวลาถวายอาลัยและเตรียมส่งเสด็จพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัย
เจ๊หน่อยชี้แจงเหตุการณ์ในครั้งนั้นโดยเริ่มต้นด้วยลีลาดราม่า น้ำตาไหลพราก ก่อนบอกว่า ถึงเป็นนักการเมือง แต่รักและเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 หากทำงานอาชีพหนึ่ง แล้วบอกว่า อาชีพนั้นไม่สามารถแสดงความจงรักภักดีได้ ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น พ่อตนสอนมาตลอดว่า ต้องจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ตลอด 365 วัน ตนทำกิจกรรมหลายอย่างเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเช่น จัดสวดมนต์ ทำโครงการชวนเด็กๆ ประกวดเรียงความ ภาพวาด จัดบวชพระ ทำในฐานะคนไทยที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็เสียใจ ขออธิบายว่าไม่มีเจตนา และไม่มีความรู้สึกว่า จะเอาการเมืองมายุ่งกับเรื่องนี้ ป้ายที่ติดตามถนนไม่มีชื่อตนเองสักชื่อ กรรมการจะให้ใส่ชื่อตนก็บอกไม่ใส่ มาพลาดตรงที่ขึ้นรถคันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถเก่าที่ใช้ตั้งแต่ทำกิจกรรมมูลนิธิไทยพึ่งไทย มีสติ้กเกอร์ชื่อตนติดอยู่ และไม่ได้ปิดสติ้กเกอร์ทับ ต้องขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขอยืนยันว่า ไม่มีจุดมุ่งหวังเพื่อการเมืองใดๆ ไม่มีการเอาเรื่องนี้มาหาผลประโยชน์ ต้องกราบขออภัยที่ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบาย
“ไม้หน้าสาม”ไม่เห็นวรรคหนึ่งวรรคใดที่ระบุว่าจะรีบขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งที่กิจกรรมที่ดำเนินการถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่รู้จักกาลเทศะอย่างยิ่ง ไม่มีสามัญสำนึกและจิตสำนึกเลย
อยากให้กลับย้อนอ่านบทความเรื่อง "จิตสำนึก 3 แบบ" ที่เขียนโดย วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนซีไรท์ในคอลัมน์สู่นิเวศรัฐ ในคอลัมน์ออนไลน์บนเวปไซด์หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com ดูว่า จิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่หลังปกป้อง-สนับสนุนให้นักการเมืองบางตระกูลที่ขุนให้คุณหญิงเป็นนักการเมืองระดับแนวหน้าของประเทศกระทำการทุจริตและหลบหนีไปเสวยสุขในต่างประเทศโดยไม่ต้องชดใช้ความเสียหาย
ลองสอบถามคนรอบข้าง หรือแม้แต่ “น้องแนน” ดูว่า มี “จิตสำนึกให้เช่า”บ้างไหม เผื่อคุณหญิงจะรู้จักกาละเทศะมากขึ้นกว่านี้
ส่องกระจกดูตัวตนก่อนจะกัดจิกหยิกข่วนขยี้ฝ่ายตรงข้ามที่พลาดพลั้งจากการบกพร่องโดยสุจริตใจอยู่เลย
วรพจน์ แสนประเสริฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี