การเมืองช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินวาทกรรมที่ว่า “จริยธรรมทางการเมือง” บ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในการเมืองยุคที่มีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมือง ยิ่งในการเลือกตั้ง 26 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา จอมสร้างวาทกรรมทางการเมืองก็พยายามออกมาโชว์บทบาทของความเป็นนักการเมืองสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาให้ประชาชนเน้นการให้ประชาชนเป็นใหญ่ตามระบอบประชาธิปไตยด้วยการประกาศผ่านสาธารณชนออกสื่อ แสดงความโปร่งใสแบบที่นักธุรกิจการเมืองบางตระกูลเคยพยายามแสดง
“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) เมื่อปี 2542 และรองประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท.ในปี 2543 อดีต“แอคทิวิสต์-Activist” ผู้คลั่งไคล้และชื่นชม “ทฤษฎี คาร์ล มาร์ซ และ วลาดีมีร์เลนิน”
ซึ่งดูเสมือนผู้มีความคิดที่งดงามประกาศทำ blind trust (บลายด์ ทรัสต์)
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือการที่นักการเมืองนำทรัพย์สินของตนเองไปให้นิติบุคคลบริหารจัดการทรัพย์สินตนเองทั้งหมด โดยให้ บลจ.ภัทร เป็นผู้ดูแล เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำทางกฎหมาย และ เพื่อสร้างมาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง ซึ่งจะทำให้เขาปราศจากข้อครหาใช้อำนาจทางการเมืองเกื้อหนุนธุรกิจหมื่นล้าน (กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท) ของตนเอง
แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะมีนักการเมืองไทยหลายคน บลายด์ ทรัสต์ มาก่อนที่ ธนาธร จะรู้เดียงสาทางการเมือง แต่ก็ทำให้ประชาชนตื่นตาตื่นใจมอบความไว้วางใจเลือกพรรคสีส้มเข้าสภาถล่มทลาย... ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่พยายามเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง แบบพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยดำเนินการมาก่อนเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว
ดูจะเป็นความหวังใหม่ของประชาชนได้
ทว่าทุกอย่างแค่วาทกรรม แค่พูดให้สาแก่ใจตนเองและพวกพ้อง เท่านั้น
เพราะความจริงคือไม่ปรากฏว่าได้ดำเนินการตามที่พูดไว้แต่อย่างใด เมื่อมีผู้ตั้งคำถาม อาจารย์นักกฎหมายและนักการเมืองผู้ไร้ซึ่งกาละเทศะก็ออกมาปกป้องอ้างว่า เมื่อหน้าตี๋ธนาธรไม่สามารถทำหน้าที่ในสภาได้ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องดำเนินการตามนั้น และกฎหมายก็ไม่ได้บังคับให้ต้องดำเนินการ ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการ
นี่คือมาตรฐานจริยธรรมนักการเมืองที่สามารถสำรอกหรือถ่มน้ำลายรดฟ้าโดยไม่ต้องแยแสประชาชนได้กระนั้นหรือ
ผมนึกถึงคำอภิปรายของด๊อกทางกฎหมายผู้ปราดเปรื่อง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ต้องลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนถ้อยคำคามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน
วันนั้นด๊อกทางกฎหมายบอกว่า พลเอกประยุทธ์ป่วย เป็นโรคร้าย โรคไม่แยแสรัฐธรรมนูญ เลยไม่ปฏิบัติตามหรือเลือกปฏิบัติเฉพาะมาตราหรือเนื้อหาที่เข้าข้างฝ่ายตนเอง
แต่เมื่อย้อนกลับมาดูพฤติกรรมของผู้อภิปรายและพวกพ้องกลับดำเนินการตามความที่อภิปรายทั้งสิ้น ตั้งแต่ถือหุ้นสื่อ แต่ปิดบังและบิดเบือนข้อเท็จจริง เมื่อกกต.ใช้มาตรการลงโทษเสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความผิด ก็โวยวายใส่ไคล้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้อำนาจเผด็จการเล่นงานคู่ต่อสู้ทางการเมือง เมื่อรัฐธรรมนูญเปิดให้พรรคการเมืองหาเงินได้ 7 ช่องทาง พรรคอนาคตใหม่ที่สร้างวาทกรรมทางการเมืองจนเป็นที่หลงใหลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็อ้างว่า กฏหมายไม่ได้ห้ามๆไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงิน ดูเอาเถอะ เชื้อชั่วเชื้อไวรัสโรคไม่แยแสรัฐธรรมนูญมันมาจากไหน อย่างไร
เงินกู้เกือบ 200 ล้านบาท ที่ใช้ไปในการเลือกตั้งครั้งนี้เอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่ หรือเพราะพรรคการเมืองอื่นไม่แตกฉานข้อกฏหมายกันเองจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้
นี่แหละจริยธรรมนักการเมืองที่โอ้อวดมาตลอดว่าเปี่ยมล้นและต้องการสร้างมาตรฐานจริยธรรมนักการเมืองให้สูงขึ้น
ล่าสุดมีข้อความดราม่าที่บิดเบือนข้อเท็จจริงที่ต้องบอกว่าชี้ชัดจริยธรรมทางการเมืองของนักการเมืองซีกนี้อย่างชัดเจนยิ่งนัก ความนั้นว่า “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” แสดงปาฐกถาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีความตอนหนึ่งว่า " ...แต่มันเป็นประโยชน์ ถ้าไปใช้เรื่องออนไลน์ เรื่องขายของ เรื่องการให้คงวามรู้ ผมโอเคหมด วันนี้ผมก็เปิดกูเกิลผมอยากรู้อะไร ผมอยากรู้ชื่อท่าน(คนที่นั่งข้างๆ) ผมก็กดชื่อท่านเข้าไป ผลก็ออกมา ประวัติมีหมดทุกเรื่อง อยากรู้เรื่องปลูกพืชเปิดหมด พวกเรานักบริหารจะเปิดส่วนใหญ่ ประชาชนจะไม่ค่อยเปิด นั่นแหละจึงทำให้ปัญหามันเกิดขึ้น เพราะว่าเขาไม่เรียนรู้ไง ..."
แต่นายธนาธรกลับโพสต์ข้อความเชิงเดียวกัน แต่ความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า@Thanathorn Juangroongruangkit โดยระบุว่า ผมสอนลูกอยู่เสมอ เวลาค้นหาความรู้โดยใช้กูเกิล ต้องระวังความถูกต้อง-ความน่าเชื่อถือของข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง แต่นี่คุณประยุทธ์กลับนำเรื่องที่ตัวเองหาข้อมูลจากกูเกิลมาเหยียดหยาม ประชาชน ที่ไม่เปิดกูเกิลว่าเป็นคนไม่เรียนรู้ เป็นพวกมีปัญหา นายกที่ดีย่อมไม่ดูถูกประชาชน และไม่บริหารประเทศด้วยกูเกิล
โอ!!!เวงกำของประเทศไทยหรือนี่ ที่มีคนเยี่ยงนี้อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย
จริยธรรมนักการเมืองหาไม่ได้ไม่มีไม่เจอเลย
ยังจะมาป่าวประกาศว่า “ทนลุงไม่ไหว กาอนาคตใหม่” อีกเหรอ คนเมืองพระ คนนครปฐมไม่ได้กินหญ้ากินรน่ะจ๊ะสิบอกให้
วรพจน์ แสนประเสริฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี