ตอนที่โควิดระบาดหนักในรัฐนิวยอร์กช่วงต้นของการแพร่ระบาดที่อเมริกา อย่างน้อยในเวลานั้นชาวรัฐนิวยอร์กรับมือแค่การระบาดของโรคอย่างเดียว แต่พอศูนย์กลางการระบาดย้ายลงใต้ไปที่แคลิฟอร์เนีย ดูเหมือนจะสาหัสกว่าตอนระบาดที่นิวยอร์ก 10 เท่า เพราะนอกจากโควิดแล้วตอนนี้ยังเจอไฟป่าและอากาศร้อนนรกแตกผสมโรงอีกด้วย สถานการณ์โควิดในอเมริกาไม่ได้บรรเทาเบาบางแต่อย่างใด ยอดป่วยสะสมยังพุ่งสูงทุกวันนาทีที่เขียนต้นฉบับนี้อยู่ที่หกล้านเจ็ดแสนกว่าราย ตายเกือบสองแสนคือตายไปหนึ่งแสนเก้าหมื่นแปดพันกว่าๆ ห้าอันดับป่วยเรียงจากอันดับหนึ่งถึงห้ายังยืนหนึ่งเหมือนเดิมคือแคลิฟอร์เนีย เท็กซัส ฟลอริด้า นิวยอร์ก และจอร์เจีย ที่น่ากลัวหนักกว่านั้นคือ ยอดป่วยที่ยังแพร่เชื้อได้ยังสูงมาก บางรัฐแม้จะติดอันดับหนึ่งในห้าแต่เมื่อบวกลบจำนวนยอดป่วยสะสมกับคนที่รักษาหายแล้วยังถือว่าพอรับไหว ที่บอกว่าแคลิฟอร์เนียหนักหนาสาหัสกว่าใครคือเรื่องไฟป่า อาทิตย์ที่แล้วแตกตื่นกันทั้งอเมริกาเพราะไฟป่าลุกลามบานปลายกระจายไปทั่วรัฐฝั่งตะวันตกคือ แคลิฟอร์เนียโอเรกอน และวอชิงตัน ลากยาวไปยันชายแดนเม็กซิโก ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงฉานน่ากลัว ท้องฟ้าบางเมืองก็กลายเป็นสีส้มจัดแบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แย่กว่านั้นคืออากาศร้อนเหลือรับ
แม้กระทั่งซานฟรานซิสโกซึ่งอากาศดีตลอดปีตลอดชาติยังได้รับผลกระทบ ลอสแอนเจลิสร้อนจัดถึง 49 องศาเซลเซียสหรือราว 121 องศาฟาเรนไฮต์ ส่วนเมืองซานฟรานซิสโก ร้อนขนาด 37 องศาเซลเซียส หรือราว 100 องศาฟาเรนไฮต์ ทำลายสถิติที่เคยบันทึกไว้ได้ที่ 33 องศาเซลเซียส หรือราว 92 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อกว่า 100 ปีก่อนไฟป่าและอากาศร้อนจัดหนนี้นับว่าเลวร้ายสุดในรอบร้อยปี หลายคนสูญเสียบ้านเรือนและสัตว์เลี้ยง บางส่วนหนีออกมาไม่ทันก็เสียชีวิตสังเวยไฟ
เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากความร้อนและแสบตาแล้วรวมทั้งผจญเถ้าจากไฟป่าปลิวลงมาจากฟ้าเหมือนหิมะ ยังเจอการถูกตัดไฟอีกต่างหาก ไฟป่าแคลิฟอร์เนียยังทำให้คนในรัฐต้องเผชิญกับมาตรการตัดกระแสไฟฟ้าจากบริษัทไฟฟ้า PG&E โดยคาดกันว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบอาจสูงถึง 721,000 คน สำนักงานดับเพลิงรัฐแคลิฟอร์เนียแถลงว่า ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบและพยายามอยู่แต่ในบ้าน ท้องฟ้าสีส้มจัดจ้าทำให้ทุกอย่างดูน่าขนพองสยองเกล้า ท้องฟ้าเหนือซานฟรานซิสโกเปลี่ยนเป็นสีส้มราวกับฉาก ‘วันสิ้นโลก’ วิกฤตไฟป่าในปีนี้ลุกลามกินพื้นที่ในรัฐแคลิฟอร์เนียไปแล้วมากกว่า 2.5 ล้านเอเคอร์ ซึ่งถือว่ารุนแรงเป็นประวัติการณ์ และยังคงเหลือเวลาอีกเกือบ 4 เดือน กว่าจะสิ้นสุดฤดูไฟป่า
ลองคิดดูว่าคนที่นั่นต้องหวาดหวั่นขนาดไหน ไหนจะระวังเรื่องโควิดแล้วยังต้องมาเจอปัญหาร้อนตับแลบ ฝุ่นขี้เถ้าบางคนโชคร้ายสูญเสียบ้านที่อยู่อาศัย บางชุมชนไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะถูกตัดไฟเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจัดหนักพร้อมกัน ในขณะที่พลเมืองแคลิฟอร์เนียเจอปัญหาสาหัส รัฐอื่นๆอยู่ในภาวะไหนกันบ้าง การประท้วงเรื่องจอร์จฟลอยด์ยังดำเนินต่อไปจากวันนั้นถึงวันนี้ก็เกินร้อยวันเข้าไปแล้ว ความวัวไม่ทันหายความควายก็แทรก เกิดกรณีคล้ายๆ กับที่เมืองเคโรชา รัฐวิสคอนซิน ตำรวจระดมยิงจาค็อบ เบลค วัย 29 ปี ชายผิวดำรัวๆ ถึง 7 นัดจากด้านหลัง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อหน้าลูก 3 คน ที่นั่งอยู่ภายในรถยนต์ของตนเอง อาทิตย์ต่อมามีการเผยแพร่คลิปที่ตำรวจเมืองโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ใช้ถุงคลุมหัวชายผิวดำที่มีอาการทางจิต โดยให้นั่งแก้ผ้าบนพื้นถนนขณะหิมะตกจนเสียชีวิต ทำให้ชาวเมืองและขบวนการแบล็ก ไลฟ์สแมตเทอร์ ลุกฮือประท้วงยืดเยื้อมาจนวันนี้
อาทิตย์นี้โผล่อีกรายที่ซอลต์เลคซิตี้ รัฐยูทาห์ ตำรวจยิงเด็กชายวัย 13 ปี ที่เป็นออทิสติกเสียชีวิตต่อหน้าแม่ เพราะเด็กวิ่งหนีโวยวายกรีดร้องเพราะอาการของโรค แม้จะเป็นเด็กผิวขาวแต่สะท้อนให้เห็นการทำเกินกว่าเหตุของตำรวจ นาทีนี้อเมริกาวุ่นวายไปทุกหย่อมหญ้าแทบทุกเมือง ชิคาโกเกิดเหตุยิงกันตายสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ คาดว่าเป็นผลพวงมาจากความเครียด โรคระบาด และการตกงานแม้กระทั่งเมืองเล็กๆ ที่ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐอินเดียน่า เมื่อวานนี้เองเกิดเหตุจ่อยิงกันอย่างอุกอาจในห้างสรรพสินค้าแห่งเดียวในเมือง ผู้คนกรีดร้องหนีตายกันอลหม่าน เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นเดียวกับแคลิฟอร์เนียรัฐ โอเรกอน ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกของประเทศก็ได้รับผลพวงจากไฟป่า แต่นอกจากไฟป่าแล้วยังมีการประท้วงที่เมืองเซเล็ม สาวกทรัมป์กลุ่มขวาจัด “พราวด์บอยส์” พร้อมอาวุเพียบเดินทางไปเมืองนี้เพื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มแบล็ก ไลฟ์สแมตเทอร์ สรุปง่ายๆ คือตอนนี้ในรัฐโอเรกอน การประท้วงกรณีจอร์จฟลอยด์ บานปลายไปมากและลากยาวในเมืองพอร์ตเลนด์ และเซเล็ม จนกลายเป็นการปะทะระหว่างฝ่ายซายจัดกับขวาจัด ระหว่างกลุ่มที่ชื่อ“แพทริออต เพรเยอร์” ซึ่งเป็นพวกสนับสนุนทรัมป์และสนับสนุนการครอบครองอาวุธกับกลุ่มปีกซ้ายที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มผู้ประท้วง “ต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์”พูดง่ายๆให้ชาวบ้านเข้าใจคือการตีกันระหว่างสาวกทรัมป์ที่พกปืนกับกลุ่มไม่เอาทรัมป์นั่นเอง
แทนที่ลุงผมเป๋จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายแกกลับสุมไฟด้วยการบอกว่า ไอ้ที่เป็นแบบนี้เพราะพอร์ตแลนด์เป็นเมืองที่เป็นหัวคะแนนพรรคเดโมแครตนั่นแหละ เอ้า..ลุง ช่วงนี้ปากหมานรายวันเลยนะ วันก่อนก็เพิ่งดูหมิ่นกองทัพและทหารที่เสียชีวิตในสนามรบว่า เป็นพวก“ขี้แพ้” และ “โง่เง่า” ขนาดไฟป่าคร่าชีวิตผู้คนและสงครามย่อยๆ ปะทะกันที่นั่นที่นี่แต่ดูเหมือนว่าตาลุงผมเป๋แกชิลล์ๆ มิหนำซ้ำมีหน้ามาพูดอีกว่า ตนเองนั้นจะได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยแน่นอน
แถมหน้าบอกว่าตัวเองสมควรจะได้เป็นประธานาธิบดี 3 สมัย เดี๋ยวนะ..ลุงปกติเนี่ย ตามรัฐธรรมนูญอเมริกาให้ประธานาธิบดีเป็นได้แค่สองสมัยเองนะ คือ 8 ปี ห้ามเกินกว่านี้นั่งฟังคำปราศรัยขอลุงทรัมป์แล้วถอนใจ แม้โควิดระบาดจัดหนักแต่ลุงยังจัดประชุมในอาคารให้มาฟังการปราศรัยอีกที่รัฐเนวาด้า ไม่สนใจคำเตือนของหมอไหนหรือองค์กรใดทั้งสิ้น คาดว่ายอดป่วยในเนวาด้าคงพุ่งสูงหลังจากนี้แน่นอน เพราะสาวกลุงแต่ละคนไม่ยอมใส่หน้ากากกันเลย ขอให้พลเมืองเนวาด้าโชคดี มีชีวิตรอดจากโควิด ส่วนพลเมืองแคลิฟอร์เนีย ก็ยังต้องผจญไฟและโควิดกันต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี