เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวเล็กๆ ที่คนอเมริกันแทบไม่ให้ความสนใจแต่เป็นข่าวที่คนไทยในอเมริการู้สึกสะเทือนขวัญและสลดใจโดยเฉพาะคนไทยในซานฟรานซิสโก มีการแพร่คลิปให้เห็นชายไทยวัย84 ปี ชื่อคุณวิชา รัตนภักดีออกมาเดินออกกำลังกายยามเช้าในละแวกบ้านตามประสาคนสูงวัยก็ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ แต่ฉับพลันทันใดมีวัยรุ่นผิวสีอายุ 19 ปีชื่ออองตวน วัตสันวิ่งข้ามถนนพุ่งมาชนคุณวิชาสุดแรงด้วยการเอาหัวโหม่งชนอย่างแรงจนคุณวิชาล้มคว่ำจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาส่วนอองตวนวิ่งหนีไปขึ้นรถเพื่อนหญิงวัย 20 ปีชื่อเมย์เลเซีย กู่หากเรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองที่ค่อนไปทางเหยียดผิวจะไม่น่าตกใจเท่าเกิดขึ้นในซานฟรานซิสโกเพราะพลเมืองที่นี่เต็มไปด้วยพลเมืองเอเซียมีไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ชุมชนชาวญี่ปุ่นและชุมชนคนเอเซียเชื้อชาติอื่นเป็นจำนวนมาก เคยมีคนเปรียบว่าพลเมืองซานฟรานซิสโก 10 คน จะมีคนเอเซียอยู่ 6 คนเมื่อเกิดคดีเช่นนี้ขึ้นในซานฟรานซิสโก จึงถือเป็นเรื่องน่ากังวลเพราะนี่เป็นคดีการฆ่าคนตายที่เกิดจากความเกลียดชังและอคติตำรวจจับวัตสันและเพื่อนหญิงได้ แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับยืนกรานปฎิเสธตลอดข้อหา แถมเกิดดราม่าเล็กๆ
เมื่อย่าของอังตวนให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้หลานชายเป็นอิสระแต่คุณย่าคงลืมไปแล้วมั้งว่าหลานชายคุณย่าฆ่าคนไทยวัยเดียวกับคุณย่าและเป็นคุณปู่ที่น่ารักของครอบครัวหนึ่งเช่นกันนี่ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น หากแต่เกิดขึ้นซ้ำๆ และถี่ขึ้นทุกทีในอเมริกาเมื่อเดือนก่อน สำนักข่าว เอบีซี นิวส์เบย์แอเรียเผยคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นว่าชายชราชาวเอเชียวัย 91 ปีถูกผู้ต้องสงสัยผลักล้มลงบริเวณฟุตบาทที่ไชน่าทาวน์ เมืองโอ๊คแลนด์เขตเบย์แอเรีย ซึ่งอยู่ละแวกซานฟรานซิสโกนั่นเองรัฐแคลิฟอร์เนียอีกเช่นกันนอกเหนือจากชายชรารายนี้ที่เป็นเหยื่อแล้ววันเดียวกันผู้ต้องสงสัยยังลงมือผลักชายเอเซียวัย 60 และหญิงเอเซียวัย 55 ปีจนหมดสติในอาทิตย์เดียวกับที่อองตวนชนคุณวิชาเสียชีวิตมีการรายงานข่าวว่าหญิงเอเซียวัย 70 ปีถูกปล้น หลังกลับจากธนาคารและคนลงมือเป็นวัยรุ่นอเมริกันสองคนที่ใช้วิธีเดียวกันกับการทำร้ายชาวเอเซียสูงวัยคนอื่นๆ คือวิ่งพุ่งชนแล้วแย่งกระเป๋าถือไป เหตุการณ์นี้เกิดในเมือง Oakland แคลิฟอร์เนียคดีเหล่านี้เกิดขึ้นจากความเกลียดชังและการต้องการชิงทรัพย์บางคนลงมือเพราะต้องการปล้น เป็นที่รับรู้กันในหมู่อเมริกันว่าคนเม็กซิกันกับคนเอเซียมักถือเงินสดส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเจ้าของกิจการที่ต้องการใช้เงินสดมาทอนเงินให้ลูกค้าแต่กรณีคุณวิชาเป็นเคสที่เห็นชัดว่าเกิดจากความเกลียดชังล้วนๆเพราะไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทกันมาก่อนและทั้งอองตวนและคุณวิชาก็ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ
กลุ่ม Thai American Democrats จัดกิจกรรมแสดงพลังสำหรับชุมชนชาวไทยและเอเชียในลอสแองเจลิสที่หน้าสถานกงสุลใหญ่ฯ เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2021 ภายใต้ชื่อ"Thai American Against Hate"เพื่อเป็นการรำลึกถึงการจากไปของคุณลุง วิชา รัตนภักดีที่เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกาย ที่เมืองซานฟรานซิสโกมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งคนไทย ลาว ฟิลิปปินส์ จีน ไต้หวันมาร่วมรณรงค์งดใช้ความรุนแรงและความเกลียดชังต่อชุมชนชาวเอเชียในสหรัฐอเมริกาอ่านข้อความที่ทางครอบครัวคุณลุงวิชาเขียนใน เพจ GoFundMeแล้วน้ำตาซึม คุณลุงเดินทางจากสงขลาเพื่อมาช่วยเลี้ยงหลานชายที่ซานฟรานซิสโก แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะอคติและความเกลียดชัง ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวคุณลุงวิชาที่ถูกกระทำแต่คนในครอบครัวของคุณลุงก็เคยเจอประสบการณ์อคติแห่งความเกลียดชังมาก่อน ดังที่เขียนในเพจว่า“คุณตาเป็นคนสุภาพ เป็นที่รักของครอบครัวและคนในละแวกบ้านสาเหตุการฆาตกรรมมาจากการเหยียดเชื้อชาติซึ่งครอบครัวของเราต้องทนกับการทำร้ายด้วยคำพูดหลายครั้งนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด แต่ครั้งนี้เป็นเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวพฤติกรรมเหยียดชาวเอเชียกลายเป็นอันตรายใหญ่หลวงสำหรับชาวเอเชียน-อเมริกันทั้งหมด โดยเฉพาะในซานฟรานซิสโกถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจจะต้องเอาจริงกับการปราบปรามผู้กระทำผิดได้ถูกชี้ตัวและถูกจับกุมด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายแต่จากนั้นก็ปล่อยตัวไป ตอนนี้ นายวิชา รัตนภักดีได้เสียชีวิตแล้วจากอาการบาดเจ็บ
การฟ้องร้องด้วยคดีฆาตกรรมจากการความเกลียดชัง (murderous hate crime)คือทางเดียวที่จะนำมาซึ่งความยุติธรรมและความปลอดภัยของชุมชน"ลอนดอน บรีด นายกเทศมนตรีหญิงของเมืองซานฟรานซิสโกร่วมกับ บิลล์ สก็อตหัวหน้าตำรวจของเมืองซานฟรานซิสโก และชีซ่าโบเดน อัยการเขตของซานฟรานซิสโก เปิดแถลงข่าวเธอกล่าวว่าผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดชอบจากการกระทำที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเพราะซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่เธอเคยเติบโตขึ้นมาแบบหวาดกลัวมาก่อนส่วนหัวหน้าตำรวจและอัยการก็ย้ำเช่นกันว่าจะเอาผิดผู้ต้องหาในคดีนี้ให้ถึงที่สุดสถานทูตและกงศุลไทยออกประกาศเตือนให้คนไทยในเขตซานฟรานซิสโกและเบย์แอเรียระวังตัวชุมชนชาวไทยทั่วสหรัฐอเมริกามีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ส่วนตัวในบัญชีโซเชี่ยลมีเดียเป็นรูปวาดคุณวิชา โดยติดแฮชแท็ก #vicharatanapakdee #AsiansAreHumanและ #JusticeForVicha เพื่อเป็นการไว้อาลัยดิฉันขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณลุงมา ณ ที่นี้
สำหรับคนสีผิวอื่นที่อาศัยอยู่ในประเทศอันอุดมไปด้วยพลเมืองผิวขาวแล้วอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเคยโดนเหยียดผิวซึ่งระดับการเหยียดนี้มีหลายระดับ สำหรับดิฉันเองเป็นคนไทยในอเมริกาเคยมีประสบการณ์แบบนี้เช่นกัน แต่อยู่ในระดับสิวๆแค่อยากลูบหัวหมาตัวหนึ่ง ซึ่งเจ้าของเป็นฝรั่ง ทั้งที่ขออนุญาตอย่างสุภาพเจ้าของหมาทำหน้าเหยียดหยามราวกับว่าดิฉันเป็นพวกกินหมา
พลางบอกปัดไม่ให้ลูบหัวหมาของตนแต่ในเวลาเดียวกันมีเด็กฝรั่งขอลูบหัวหมานางเจ้าของหมากลับยินยอมให้ลูบ แถมยอมให้อุ้มหมาด้วยเพื่อนคนไทยคนหนึ่งเคยอยู่ในรัฐทางใต้ก่อนย้ายมาอยู่ที่นี่เจอขนาดตะโกนด่าหยาบคาย เมื่อเธอเดินกับสามีอเมริกันส่วนพวกที่อ้างว่า โอ๊ย..ไม่เคยโดนเหยียดเลยนั่นคือโกหกตัวเองเพราะอยากสมอ้างป็นพลเมืองชั้นหนึ่งที่นี่ ลึกๆเราต่างก็รู้ว่าความจริงคืออะไร
ส่วนพี่สาวอีกคนซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยชื่อดังในเมืองพอร์ตแลนด์เคยเจอการอคติแบบเดียวกันนี้ที่ร้านขายของชำของเอเซียหญิงจีนสุงวัยมาซื้อข้าวของกับหลานสาวที่ยังเป็นเด็กไม่เกิน 5 ขวบระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถ มีวัยรุ่ยอเมริกันตะโกนด่าหยาบคายเมื่อพี่สาวคนไทยรายนั้นเข้าไปช่วยด้วยการเอาตัวไปขวางก็โดนวัยรุ่นกลุ่มนั้นด่าว่า “อีหน้าลิง” และสารพัดคำด่าแม้ตามรัฐธรรมนูญอเมริกัน เราทุกคนเท่าเทียมกันแต่ความเท่าเทียมนั้นมีระดับปลีกย่อยที่แยกเหยียดตามสีผิวลงไปอีกมากมาย ความเท่าเทียมที่สมอ้างจึงเป็นเพียงมายาภาพที่หลอกให้ชาวโลกคิดว่าสังคมอเมริกันเท่าเทียมกันทุกตารางนิ้ว
.....................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี