ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึง วันเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิในอเมริกาคือวันที่ 21 มีนาคม ทุกคนต่างรอคอยทั้งฤดูใบไม้ผลิและวัคซีนกันอย่างใจจดใจจ่อ มีวัคซีนสามยี่ห้อที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในอเมริกา คือไฟเซอร์ โมเดอร์น่า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ตอนนี้อเมริกาฉีดวัคซีนไป 100 ล้านกว่าโดสแล้ว มีทั้งแบบฉีดครบทั้งสองเข็มและเพิ่งฉีดเข็มแรก
กระบวนการฉีดวัคซีนในอเมริกาคือให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงฉีดก่อน อย่างพวกหมอ พยาบาล หรือคนที่มีโรคประจำตัว และคนอายุหกสิบขึ้นไป ส่วนสถานที่ฉีดนั้นก็แล้วแต่ละเมืองแต่ละรัฐแต่ละมณฑลจะกำหนด มีทั้งในโรงพยาบาล โบสถ์ และห้างสรรพสินค้า ส่วนใครจะเลือกวัคซีนตัวไหนก็ไปดูรายละเอียดในแต่ละรัฐแต่ละเมืองว่า สถานที่ไหนกำหนดฉีดให้บริการวัคซีนตัวไหน
ยกตัวอย่างเคสดิฉันนี่แหละ ตอนนี้อายุไม่ถึงหกสิบ ก็รอว่าเมื่อไหร่จะมีประกาศให้กลุ่มคนที่มีช่วงอายุ 50 หรือ 40 หรือ 30 ไล่ลดหลั่นกันไปตามลำดับไปฉีด เมื่อถึงคิวช่วงอายุตนก็ละทะเบียนออนไลน์ไว้ เลือกสถานที่ฉีดเองได้ ว่าจะไปโบสถ์หรือห้างร้าน ตอนแรกอยากจะฉีดของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่เช็คแล้วว่าในเมืองที่อาศัยอยู่ไม่มี จะต้องขับรถไปอีกเมืองที่ให้บริการวัคซีนจอห์นสัน เลยตัดใจลงทะเบียนห้างแถวบ้าน ซึ่งบริการโมเดอร์น่า ลงทะเบียนไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน จะต้องรอกำหนดนัดว่าจะไปฉีดได้วันไหนเวลาไหน ซึ่งยังไม่รู้แน่ชัด เจ้าหน้าที่บอกอาจจะเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน เอาแน่ไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ไม่รีบ
พวกที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนก็ประท้วงกันไป พวกที่อยากฉีดก็อยากจนตัวสั่น เพราะเบื่อเต็มทน จะไปไหนก็หวาดระแวงว่าจะติดโควิดหรือเปล่า อยากแล่นไปยืนหัวแถวรอฉีด แต่จนใจว่าไม่ได้เป็นทั้งกลุ่มเสี่ยงและแก่ไม่พอ เลยหาทางลัดจนเกิดภาวะที่เรียกว่า “วัคซีนส้มหล่น”
อย่างที่เล่ามาข้างต้น การจะไปฉีดวัคซีนต้องลงทะเบียนนัดล่วงหน้า และต้องเป็นไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น กลุ่มเสี่ยงและช่วงวัย แต่ละรัฐมีกฎข้อบังคับและระยะเวลาในการฉีดแตกต่างกัน เลยเกิดกรณีหัวหมอ ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วคือ ตอนแรกจะให้คนที่อายุหกสิบขึ้นไปฉีดก่อน แล้วคนที่อายุยังไม่ถึงหกสิบแต่อยากฉีดก็ต้องรอ แต่อย่างที่บอกว่าแต่ละรัฐมีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน เลยเจอเคสแปลกๆ เช่น อยู่นิวยอร์ก แต่ลงทุนบินไปฉีดวัคซีนที่ฟลอริด้า เพราะตอนนั้นฟลอริด้าอาจจะฉีดให้คนอายุหกสิบครบแล้ว เลยประกาศให้คนอายุห้าสิบไปฉีด ส่วนที่นิวยอร์กยังฉีดคนอายุหกสิบไม่เสร็จ และยังไม่ประกาศให้คนอายุห้าสิบไปฉีด อะไรทำนองนี้
มีอีกเคส หญิงวัยสามสิบกว่าๆ แต่อยากฉีดวัคซีน เลยปลอมตัวเป็นคนแก่อายุหกสิบกว่าไปฉีด สุดท้ายความมาแตกตอนไปรับเข็มสอง เลยโดนด่าสนั่นประเทศ ส่วนที่เรียกว่าวัคซีนส้มหล่นนั้นเป็นอีกแบบ คือ เวลานัดฉีดวัคซีน จะต้องเอาวัคซีนออกมาจากตู้แช่เพื่อละลาย สมมุติว่าวันนั้นมีคนลงทะเบียนฉีด 100 คน ดันมาแค่ 90 คน ส่วนไอ้พวกที่ลงทะเบียนไว้ดันหายหัว เหลือวัคซีน 10 เข็ม เจ้าหน้าที่ก็จะกวักมือ เรียกชาวบ้านแถวนั้นแหละมาฉีด จะได้ไม่เสียของ
ไอ้พวกที่เดินๆ อยู่ในห้างบางคนอายุยังไม่ถึง แต่ส้มหล่น ได้ฉีดก่อนก็ดีอกดีใจ โพสต์ฉับลงโซเชียล คราวนี้เลยมีคนไปเดินเตร่ๆ เผื่อส้มหล่นกันใหญ่
สถานการณ์บางรัฐคลี่คลายลง แต่ยังไม่น่าวางใจ ดูทรงแล้วน่าจะมีการระบาดใหญ่อีกรอบ ไม่รู้จะนับยังไง เพราะคั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ จะเรียกว่าขาลงก็ยังพูดไม่ได้เต็มปาก เพราะถึงยอดคนป่วยคนตายจะเริ่มน้อยลง แต่ก็นับว่าสูงมากอยู่ดี หลายรัฐการ์ดตก ประกาศยกเลิกกฎเรื่องใส่หน้ากาก อย่างน้อย 5 รัฐในอเมริกาที่ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะแล้ว ได้แก่ เท็กซัส, ไอโอวา, มิสซิสซิปปี, มอนทานา และ นอร์ทดาโกตา
หลายคนที่ติดตามข่าวการเมืองในไทยคงเห็นว่า มีการใช้วัคซีนมาเป็นเรื่องโจมตีกันทางการเมือง ทั้งที่ไม่น่าจะใช้วัคซีนมาเป็นอาวุธทางการเมือง ไม่ว่าในกรณีใดๆ ชาวโลกทุกคนล้วนต้องการวัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโลก เป็นเรื่องที่ทุกคนในโลกต้องร่วมมือกันไม่ใช่หรือ
แต่ไม่ใช่จะมีแต่ประเทศไทย ตอนนี้กลายเป็นว่าวัคซีนถูกหยิบยกมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองระหว่างประเทศ อเมริกาหัวร้อน เมื่อเห็นว่าชาวอาเซียนฉีดวัคซีนของจีนกันครึกโครม อย่างบ้านเราก็ยี่ห้อชิโนแวคนี่ไง เห็นแบบนี้ก็ทนไม่ไหวที่จะให้จีนโกยคะแนนนิยมไปเจ้าเดียว เลยจัดประชุมอย่างด่วนๆ ผู้นำ 4 ชาติจากอเมริกา ออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น สุมหัวกันแล้วประกาศปังดังลั่นว่า จะจัดหาวัคซีนพันล้านโดสของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมอบเป็นบรรณาการแก่หมู่เฮาชาวอาเซียน ทั้งนี้ไม่ได้มีน้ำใจอะไรหรอก แต่เพื่อต่อต้านอิทธิพลพญามังกรในภูมิภาคนี้เท่านั้นเอง
ความชิงชังจีนของอเมริกาเรื่องโควิดยังไม่จบสิ้น แม้จะมีการส่งทีมงานไปสอบสวนจุดกำเนิดของโรคโควิดที่อู่ฮั่น โดยทางองค์การอนามัยโลกและมีการแถลงข่าวอย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่วายจะชี้นิ้วใส่จีน
เดวิด แอสเชอร์ อดีตหัวหน้าทีมสืบสวนของกระทรวงการต่างประเทศรายหนึ่งซึ่งเคยรับผิดชอบภารกิจสืบหาต้นกำเนิดของโควิด-19 ให้สัมภาษณ์ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลุดจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น และไวรัสตัวนี้คือ“อาวุธชีวภาพ” ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนด้วย
แอสเชอร์และคณะผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ของสถาบันฮัดสัน ตั้งข้อสังเกตว่าจีนเคยประกาศในปี 2007 ว่าจะเริ่มดำเนินการในด้านพันธุกรรมอาวุธชีวภาพที่ใช้สำหรับวิจัย gain of function ซึ่งคืองานวิจัยที่พยายามสร้างซูเปอร์ไวรัสขึ้นมา เพื่อศึกษาว่ามันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างไรและจะปัองกันหรือรักษาอย่างไรหากเกิดซูเปอร์ไวรัสดังกล่าวขึ้น
เรื่องต้นกำเนิดของโควิดจะมาจากไหนและอย่างไรนั้น คงต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเชิงลึกมากขึ้น แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าอเมริกาก็ยังคงเพ่งโทษไปที่จีน หวาดระแวงกังวลว่าจีนจะแผ่อิทธิพลครอบงำชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านวัคซีน เลยจำเป็นต้องเสนอหน้าเข้าไปแทรกพร้อมเสนอวัคซีนให้เช่นกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี