ผมใช้บทกวีส่ง ส.ค.ส. สู่สังคมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีการกอบโกยโกงกินกันอย่างมโหฬารโดยเฉพาะโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาตันละ ๑๕,๐๐๐ บาท แม้ตอนนั้นผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมจะยังคงสงบปากสงบคำ ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านคัดค้านเท่าใดนัก ตรงกันข้าม กลับยังชื่นชมด้วยซ้ำไป
ปีนั้น ส.ค.ส. ของผม จึงเขียนไว้ดังนี้
๏ ขอให้ปีนี้เหมือนปีนั้น
ปีที่เราผูกพันฝันและใฝ่
ไม่ขอพรมากมายให้เหนื่อยใจ
ขอความดีคุ้มภัยเท่านั้นพอ ๚ะ๛
จากปีนั้นถึงปลายปีที่แล้ว ผมยังคงใช้บทกวีส่ง ส.ค.ส. สู่สังคมต่อเนื่องกันมาทุกปี ด้วยหวังให้สังคมทบทวนเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของบ้านเมืองก่อนจะลืมและละลายไปในแก้วอวยพรฉลองปีใหม่
ปลายปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นปีที่ ๑๑ ของการเดินทางของ ส.ค.ส. ที่ผ่านเหตุการณ์บ้านเมืองมามากมาย ผมเขียน ส.ค.ส. ๒๕๖๖ ไว้ในช่วงเวลาที่พรรคการเมืองต่าง ๆ กำลังเร่งหาเสียง สร้างฝัน และให้สัญญาประชาชน เพื่อหวังโกยคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖
ปลายปี ๒๕๖๕ บรรยากาศและความรู้สึกของประชาชนเวลานั้น เบื่อหน่ายรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจและอิทธิพลมาอย่างยาวนานกว่า ๘ ปี โดยที่ไม่สู้มีผลงาน แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน อันสวนทางกับเนื้อเพลงที่แต่งออกมาสัญญิงสัญญากับประชาชนตอนยึดอำนาจรัฐใหม่ ๆ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่เคยสนับสนุน เคยเทใจให้ หันไปสนับสนุนและฝากความหวังไว้กับพรรคการเมืองขั้วตรงข้าม คือพรรคเพื่อไทย กับ พรรคก้าวไกล
คนไทยที่มีสิทธิ์ออกมาเลือกตั้งในครั้งนั้น จำนวนไม่น้อยเหมือนคนอกหัก ที่โดนหักอกจากคนนี้ เลยหันมาฝากหัวใจไว้กับคนนั้น
ส.ค.ส. ๒๕๖๖ ของผมจึงเขียนไว้ดังนี้
ส.ค.ส. ๒๕๖๖
อย่าเพ้อพกเลยนะใจ
ข้าใคร่วอน
๏ สายลมหนาวคราวต้นปีเหมือนมีหวัง
ใจที่พังซ้ำทรุดหยุดเถิดหนา
ใจเจ้าผินบินไถลไปไกลตา
มาเถอะมาบ้านเรากลับเหย้าเรือน
ซอมพอร่วงเกลื่อนบานลงลานดิน
เจ็บจนชินแล้วใจเราที่เขาเฉือน
ภาพความหลังครั้งก่อนย้อนมาเตือน
ใจอยากเลือนแต่ก็ยังหวังกลายกลาย
เหมือนพ่อค้าขายยามาปาหี่
สักสี่ซ้าสามปีก็หนีหาย
ใจเจ้าเจ็บกี่ครั้งยังไม่วาย
ยังไม่หน่ายยอมเหนื่อยเจ็บเรื่อยไป
กลับมาเถิดใจเจ้ากลับเข้าบ้าน
ที่เรือนชานยังมีรักมีหลักให้
ถ้าเหนื่อยหนักพักก่อนพักผ่อนใจ
ถ้าหวังใหม่กี่ช้ำนะถึงจะจำ
สายลมหนาวคราวนี้เหมือนปีก่อน
บรรเลงย้อนเพลงเก่าให้เราขำ
อย่าหาเลยคนดีดีที่จะนำ
มันล้วนยำบ้านเมืองเราจงเข้าใจ ๚ะ๛
เหตุการณ์ตลอดทั้งปี ๒๕๖๖ ที่กำลังจะผ่านไปในอีกไม่กี่วันนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นจริงดั่งคำกลอนใน ส.ค.ส. ที่เขียนไว้ กล่าวคือ คำพูดเวลาหาเสียง คำสัญญิงสัญญาอะไรต่าง ๆ ของนักการเมืองแทบทุกคน ก็
“เหมือนพ่อค้าขายยามาปาหี่
สักสี่ซ้าสามปีก็หนีหาย”
เหตุนี้ ผมจึงลงท้าย ส.ค.ส. ของผมในปีนั้นว่า
“อย่าหาเลยคนดีดีที่จะนำ
มันล้วนยำบ้านเมืองเราจงเข้าใจ”
แล้วปีนี้ล่ะ ปีที่มีเหตุการณ์อันน่าอัปยศและเศร้าสลดใจที่สุดในวงการบ้านเมืองของไทยเรา ส.ค.ส. ๒๕๖๗ ท่านคิดว่าควรเป็นอย่างไร ?
ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ !!!
ส.ค.ส. ๒๕๖๗
เงินซื้อดาว เท้าเหยียบดิน
๏ ฟ้าบ้านฉันวันนี้ไม่มีดาว
มันทั้งมืดทั้งหนาวกว่าคราวไหน
เทวดาเจ้าเก่าซื้อดาวไป
เขาซื้อได้ทั้งแผ่นฟ้ามาแผ่นดิน
ทุ่งรวงทองของฉันมันหมดแล้ว
ไร้วี่แววคนดีเคยมีสิ้น
ตระบัดสัตย์ปลิ้นปล้อนตะลอนกิน
น้ำตารินก็แต่เรานั่งเศร้าใจ
ถ้าคนดีลดตัวคนชั่วซื้อ
ก็สุดยื้อยั้งคืนสุดฝืนได้
เงินซื้อดาวเท้าเหยียบดินชินกันไป
จะทนไหวหรือไม่ไหวใครเขาแล
เมื่อคุณธรรมอำนาจเงินฟาดหมด
จึงคนคด “ควิกวิน” ทุกถิ่นแน่
เมื่อคนกล้าหมดไฟในดวงแด
จึงเป็นแค่ “ซอฟต์พาวเวอร์” นั่งเอออวย ๚ะ๛
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๑ มกราคม ๒๕๖๗
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี